การทำส่าเหล้าแห้ง
2 posters
หน้า 1 จาก 1
การทำส่าเหล้าแห้ง
สวัสดีครับ ท่านอาจารย์ และคุณไผ่ ผมนายมงคล เมืองสนธิ์ ครับ
คือผมมีเรื่องอยากจะรบกวนสอบถามเกี่ยวกับการทำน้ำส่าเหล้าให้แห้งครับ เพราะที่จังหวัดปราจีนตรงที่ผมอาศัยอยู่ใกล้กับโรงงานทำเหล้าขาว และเห็นเขาขนน้ำส่าเหล้าไปทิ้งทุกวัน บางวันก็เอาไปราดถนนมั่ง บางวันก็เอาไปราดไร่มันสัมปะหลังมั่ง ผมเลยมีความคิดที่จะอยากทำส่าเหล้าแห้งเอาเก็บไว้เพื่อที่จะนำไปใช้ในการเพาะเห็ดต่อไป แต่ผมไม่มีความรู้เลย จึงใคร่ขอความกรุณาทางอาจารย์และคุณไผ่ช่วยแนะนำวิธีการทำส่าเหล้าแห้งครับ ออ. เห็ดนางฟ้าของผมที่ทำมาจาก KAT 301 กำลังจะทำการเปิดดอกถ้าผลเป็นอย่างไรจะส่งรูปมาให้ดูครับ เพราะครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งที่ผ่านมาเพราะผมได้ทำการเปลี่ยนจากวางนอนเรียงกันมาเป็นระบบ แขวน ก็ยังไม่รู้เลยว่าจะออกมาเเบบไหนครับ สุดท้ายหวังว่าท่านอาจารย์และคุณไผ่จะกรุณาแนะนำเกี่ยวกับการทำส่าเหล้าแห้งครับ
ขอบคุณครับ
มงคล เมืองสนธิ์
คือผมมีเรื่องอยากจะรบกวนสอบถามเกี่ยวกับการทำน้ำส่าเหล้าให้แห้งครับ เพราะที่จังหวัดปราจีนตรงที่ผมอาศัยอยู่ใกล้กับโรงงานทำเหล้าขาว และเห็นเขาขนน้ำส่าเหล้าไปทิ้งทุกวัน บางวันก็เอาไปราดถนนมั่ง บางวันก็เอาไปราดไร่มันสัมปะหลังมั่ง ผมเลยมีความคิดที่จะอยากทำส่าเหล้าแห้งเอาเก็บไว้เพื่อที่จะนำไปใช้ในการเพาะเห็ดต่อไป แต่ผมไม่มีความรู้เลย จึงใคร่ขอความกรุณาทางอาจารย์และคุณไผ่ช่วยแนะนำวิธีการทำส่าเหล้าแห้งครับ ออ. เห็ดนางฟ้าของผมที่ทำมาจาก KAT 301 กำลังจะทำการเปิดดอกถ้าผลเป็นอย่างไรจะส่งรูปมาให้ดูครับ เพราะครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งที่ผ่านมาเพราะผมได้ทำการเปลี่ยนจากวางนอนเรียงกันมาเป็นระบบ แขวน ก็ยังไม่รู้เลยว่าจะออกมาเเบบไหนครับ สุดท้ายหวังว่าท่านอาจารย์และคุณไผ่จะกรุณาแนะนำเกี่ยวกับการทำส่าเหล้าแห้งครับ
ขอบคุณครับ
มงคล เมืองสนธิ์
mongkol- จำนวนข้อความ : 14
Join date : 06/07/2010
การทำส่าเหล้าแห้ง
เห็นหายไปนาน คิดว่าป่านนี้คงทำเห็ดเสียใหญ่โตแล้ว และที่คุณว่า เห็นเขาเอาส่าเหล้าไปทิ้งนั้น เขาทิ้งเยอะไหม เป็นโรงงานขนาดไหน เพราะน่าสนใจมาก เนื่องจากในอดีต ดร.อานนท์ เคยถูกเชิญจากองค์การสุรา บางคล้าให้ไปเป็นที่ปรึกษาเรื่องการนำน้ำส่ามาใช้ให้เป็นประโยชน์ เพราะช่วงนั้น เขามีปัญหา ไม่รู้ว่าจะเอาน้ำส่าไปทิ้งที่ไหน จากการศึกษาก็พบว่า แน่นอนที่สุด หากเอาน้ำส่าเหล้าล้วนๆไปใส่อะไรก็ตายหมด ยกเว้นถนน เนื่องจากความเข้มข้นมันสูง จริงๆแล้วน้ำส่า คือ ผลพลอยได้จากการผลิตเหล้า ที่ส่วนใหญ่ใช้กากน้ำตาล มาทำการหมักโดยใช้เชื้อยีสต์ เมื่อยีสต์เปลี่ยนน้ำตาลส่วนใหญ่ไปเป็นแอลกอฮอลล์ แล้วก็เอาไปต้มเพื่อกลั่นเอาแต่แอลกอฮอลล์ เพื่อให้มนุษย์เอาไปดื่มกัน คนดื่มก็จะถูกแอลกอฮอลล์ไปทำลายเซลตับ พอดื่มไปมากๆ ก็จะเป็นโรคเกี่ยวกับตับ แต่คนทำก็รวยเอารวยเอา จนกลายเป็นนายทุนพรรคการเมืองบางพรรคไป ในส่วนของหลังจากต้มแล้ว เชื้อยีสต์ก็จะตายไปเพราะถูกต้ม แต่เชื้อยีสต์นั้นมีโปรตีนอยู่สูงถึง 56% และยังมีวิตามิน เช่นวิตามินบี1 และเกลือแร่อีกมากมาย ดังนั้น หากเอาส่าเหล้าไปทิ้ง มันก็เท่ากับเอาปลา เอาหมา หรือเอาเนื้อไปทิ้ง เนื่องจากมันมีโปรตีนสูง มันจึงเน่าเหม็นเร็วมาก ก่อให้เกิดปัญหามลภาวะอย่างรุนแรง แต่ในเมื่อรู้แล้วว่า ยีสต์ที่ถูกต้มตายไปแล้วนั้น มีโปรตีน วิตามิน และเกลือแร่สูง ดร.อานนท์ ได้ทดลองเอามาใส่กับวัสดุเพาะเห็ด หรือนำมาผสมกับน้ำแล้วรดให้แก่เห็ด พบว่า หากใช้ปริมาณ 1-2 % สามารถเพิ่มผลผลิตเห็ดให้สูงขึ้นได้ และสามารถลดการใช้อาหารเสริมซึ่งจะเป็นการลดต้นทุนได้ นอกจากนี้ หากเอาไปผสมหรือราดตามบ่อเลี้ยงปลา เลี้ยงกุ้ง ก่อนที่จะลงลูกปลาลูกกุ้ง ส่าเหล้าจะเป็นอาหารสุดยอดในการทำน้ำเขียว เพื่อเป็นการเพิ่มแพลงตอนให้แก่ลูกปลา เมื่อผลการทดลองออกมาเป็นเช่นนี้ และได้เผยแพร่ออกไป ทำให้ปริมาณส่าเหล้าที่แต่ละวันออกมามากมายมหาศาล แต่ถูกเกษตรกรจำนวนมาก เอาไปใส่บ่อเลี้ยงปลา เลี้ยงกุ้ง และเป็นอาหารเสริมในการเพาะเห็ด ทำให้ปัจจุบัน ส่าเหล้าขาดแคลนอย่างรุนแรง สถานที่ททางอานนท์ไบโอเทคเคยไปเอา ก็ไม่มีของแล้ว เพราะผลิตไม่ทัน ดังนั้น หากทางปราจีนบุรีมี การน่าส่งเสริมให้สมาชิกไปเอามาใช้ หรือแจ้งมาทางเราจะเป็นผู้ประสานงานให้ โดยไม่จำเป็นต้องไปทำเป็นส่าเหล้าแห้งให้เสียเวลาอีกเลย
อย่างไรก็ตาม ในเมื่อคุณถามมาถึงวิธีการทำแห้งนั้น แน่นอนครับ ปกติเราไม่เคยแพร่งพราย หรือเปิดเผยให้ใครมาก่อน ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลย ที่จะเอาส่าเหล้าที่เป็นน้ำ แล้วมาตากให้แห้งเป็นผง บางรายรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไม่มีความรู้ แต่ก็อยากจะได้เงิน ไปเอากากตะกอนของบ่อส่าเหล้ามาหลอกขายก็มีถมไป ดูเหมือนตอนนี้ มีกากตะกอนส่าเหล้า ที่ไม่มีอาหารสำหรับเห็ดเหลืออยู่แล้ว มีแต่อาหารสำหรับพืชเท่านั้น มีขายกันหลายแห่ง ทั้งแถวโพธาราม และวิหารแดง ซึ่งหากเอาไปใช้กับเห็ด ก็ไม่ได้ผลเท่าที่ควร จริงๆแล้ว การทำส่าเหล้าแห้งนั้น จะต้องนำเอาส่าเหล้าที่ออกจากหม้อต้มใหม่ๆ มาราดใส่ในตัวดูด เช่น รำละเอียด และใบกระถินป่น ที่ปรับสภาพความเป็นกรดด่างให้เป็นกลางด้วยปูนโดโลไมท์ และหินฟอสเฟต การที่จะใส่ปูนและหินฟอสเฟตมากน้อยเพียงไรนั้น อยู่ที่ค่าของความเป็นกรด-ด่าง ให้ปรับค่าของมันอยู่ระหว่าง 6.5-7.5 ดีที่สุดคือ 7.0 หมักไว้ประมาณ 2-3 วัน หรือจนกระทั่งแน่ใจว่า วัสดุดูดซับ ดูดเอาส่าเหล้าเต็มที่แล้ว จึงนำมาอบแห้งที่อุณหภูมิ 40-45 องศาเซลเซียส หรือในเตาอบแสงอาทิตย์ ประมาณ 3-5 แดด โดยกลับไปมาอย่างสม่ำเสมอ ก็จะได้ส่าเหล้าแห้ง แล้วจึงนำมาทำการบดให้ละเอียดก่อนนำเอาไปใช้เพาะเห็ด หรือเป็นส่วนผสมของอาหารสัตว์ครับ
อย่างไรก็ตาม ในเมื่อคุณถามมาถึงวิธีการทำแห้งนั้น แน่นอนครับ ปกติเราไม่เคยแพร่งพราย หรือเปิดเผยให้ใครมาก่อน ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลย ที่จะเอาส่าเหล้าที่เป็นน้ำ แล้วมาตากให้แห้งเป็นผง บางรายรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไม่มีความรู้ แต่ก็อยากจะได้เงิน ไปเอากากตะกอนของบ่อส่าเหล้ามาหลอกขายก็มีถมไป ดูเหมือนตอนนี้ มีกากตะกอนส่าเหล้า ที่ไม่มีอาหารสำหรับเห็ดเหลืออยู่แล้ว มีแต่อาหารสำหรับพืชเท่านั้น มีขายกันหลายแห่ง ทั้งแถวโพธาราม และวิหารแดง ซึ่งหากเอาไปใช้กับเห็ด ก็ไม่ได้ผลเท่าที่ควร จริงๆแล้ว การทำส่าเหล้าแห้งนั้น จะต้องนำเอาส่าเหล้าที่ออกจากหม้อต้มใหม่ๆ มาราดใส่ในตัวดูด เช่น รำละเอียด และใบกระถินป่น ที่ปรับสภาพความเป็นกรดด่างให้เป็นกลางด้วยปูนโดโลไมท์ และหินฟอสเฟต การที่จะใส่ปูนและหินฟอสเฟตมากน้อยเพียงไรนั้น อยู่ที่ค่าของความเป็นกรด-ด่าง ให้ปรับค่าของมันอยู่ระหว่าง 6.5-7.5 ดีที่สุดคือ 7.0 หมักไว้ประมาณ 2-3 วัน หรือจนกระทั่งแน่ใจว่า วัสดุดูดซับ ดูดเอาส่าเหล้าเต็มที่แล้ว จึงนำมาอบแห้งที่อุณหภูมิ 40-45 องศาเซลเซียส หรือในเตาอบแสงอาทิตย์ ประมาณ 3-5 แดด โดยกลับไปมาอย่างสม่ำเสมอ ก็จะได้ส่าเหล้าแห้ง แล้วจึงนำมาทำการบดให้ละเอียดก่อนนำเอาไปใช้เพาะเห็ด หรือเป็นส่วนผสมของอาหารสัตว์ครับ
Re: การทำส่าเหล้าแห้ง
สวัสดีครับ คุณไผ่ และอาจารย์ครับ
ขอบคุณ ครับที่ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับส่าเหล้าเออโรงงานที่ผมว่าชื่อ บ.เฟื่องฟูอนันต์ ครับอยู่ตำบลท่าตูม อำเภอ ศรีมหาโพธิ์ จังหวัดปราจีน ครับ เป็นโรงงานใหญ่ครับผมได้สอบถามจากทางพนักงานบอกว่าถ้าอยากได้ให้ไปติดต่อกับทาง ฝ่ายบุคคล เพื่อแจ้งความประสงในการนำไปใช้ครับ ฟรีครับไม่ต้องซื้อแต่ต้องมาขนเองแต่ถ้าต้องการในปริมาณที่มากเขามีรถขนของโรงงานแต่เรื่องค่าขนส่งต้องมาติดต่อคุยกับทางโรงงานเองครับ แล้ววันนี้ผมมีเรื่องที่อยากถามครับ
1 ถ้าเรามีน้ำส่าเหล้าแล้วนำมาหมักด้วยUM92 ประมาณกี่วันครับถึงจะนำไปใช้กับเห็ดได้
2 จะนำไปใช้ด้วยวิธีใดได้บ้าง
3 ถ้านำ UM92 มาผสมกับน้ำส่าแล้วนำไปใช้ในการหมักขี้เลื่อยได้เลยหรือเปล่าครับ ถ้าได้ต้องใช้ส่วนผสมปริมาณเท่าใด
ขอบคุณครับ
มงคล
ขอบคุณ ครับที่ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับส่าเหล้าเออโรงงานที่ผมว่าชื่อ บ.เฟื่องฟูอนันต์ ครับอยู่ตำบลท่าตูม อำเภอ ศรีมหาโพธิ์ จังหวัดปราจีน ครับ เป็นโรงงานใหญ่ครับผมได้สอบถามจากทางพนักงานบอกว่าถ้าอยากได้ให้ไปติดต่อกับทาง ฝ่ายบุคคล เพื่อแจ้งความประสงในการนำไปใช้ครับ ฟรีครับไม่ต้องซื้อแต่ต้องมาขนเองแต่ถ้าต้องการในปริมาณที่มากเขามีรถขนของโรงงานแต่เรื่องค่าขนส่งต้องมาติดต่อคุยกับทางโรงงานเองครับ แล้ววันนี้ผมมีเรื่องที่อยากถามครับ
1 ถ้าเรามีน้ำส่าเหล้าแล้วนำมาหมักด้วยUM92 ประมาณกี่วันครับถึงจะนำไปใช้กับเห็ดได้
2 จะนำไปใช้ด้วยวิธีใดได้บ้าง
3 ถ้านำ UM92 มาผสมกับน้ำส่าแล้วนำไปใช้ในการหมักขี้เลื่อยได้เลยหรือเปล่าครับ ถ้าได้ต้องใช้ส่วนผสมปริมาณเท่าใด
ขอบคุณครับ
มงคล
mongkol- จำนวนข้อความ : 14
Join date : 06/07/2010
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|