Anon Biotec web board
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

การทานเห็ดเป็นยาและคำตอบเรื่องเห็ดในห้องควบคุม‏‏

Go down

การทานเห็ดเป็นยาและคำตอบเรื่องเห็ดในห้องควบคุม‏‏ Empty การทานเห็ดเป็นยาและคำตอบเรื่องเห็ดในห้องควบคุม‏‏

ตั้งหัวข้อ  สมาชิกทั่วไป Mon Jul 05, 2010 2:37 pm

เรียน ดร.อานนท์


เรื่องเห็ดเป็นยา
- การทานเห็ดเป็นยา จะมีข้อห้ามในการรับประทานอาหารชนิดใดบ้างไหมครับ เช่น ไช้เท้า มะละ ผักขม เป็นต้น
- การรับประทานก่อนอาหาร หรือหลังอาหารให้ผลอย่างไรครับ
- จำนวนการรับประทานต่อมื้อ ตอนนี้ผมทานมื้อละ 3 เม็ด ก่อนอาหาร ออกการค่อนข้างแรง การจะกำหนดว่าใคร เป็นโรคอะไร ต้องทานวันละกี่เม็ดดูอย่างไรครับ
- การทานนั้นต้องทานต่อเนื่องไปตลอดชีวิต หรือสามารถหยุดทานได้ หรือว่าถ้าทานได้ตลอดไปจะดีกับสุขภาพมากกว่า หรือว่าเป็นการลดปริมาณการกินครับ
- ที่ตะวันออกกกลางนิยมดื่มชาครับ จึงมีความคิดว่าถ้าทำเป็นชาชงเห็ดได้ก็จะดีครับ เพียงแต่ว่าเห็ดหลินจือต้องทานร่วมกับวิตามินซี การทำเป็นซองชงดื่มอาจไม่สามารถให้ผลได้ดีเหมือนกับการทานแบบแคปซูลหรือไม่ครับ
- คนตะวันออกกลางมีปัญหาแบบเดียวกันครับคือกินเนื้อมาก และอาหารให้พลังงานสูงและต่อมื้อกินเยอะมากๆ ทำให้มีปัญหาเรื่องโีีรคอ้วน ความดันโลหิต โรคหัวใจ คอลเรสเตอรัลสูง ดังนั้นเห็ดเป็นยาน่าจะเหมาะมากกับคนภูมิภาคนี้ครับ เพียงแต่อาจมีการถามถึงเรื่องราคาที่จะทำให้คนจนเข้าถึงยาได้ยาก ซึ่งผมอาจหาทางจำหน่ายผ่านโรงพยาบาลรัฐ เพื่อแจกจ่ายให้ประชาชนอีกทีหนึ่ง ซึ่งคงต้องใช้เวลาพอสมควร สำหรับคนพอมีสตางค์คงไม่ค่อยลำบากนัก เพราะราคาสมาชิกที่ 1,000 เม็ดจะทานได้ 111 วันเป็นเงิน 25,600 บาททีเดียว คนจนหมดสิทธิล่ะครับ
- ที่ตะวันออกกลางมีปัญหาเรื่องน้องชายไม่แข็งครับ มีเห็ดตัวไหนที่มีสรรพคุณช่วยปัญหาอัีนเจ็บปวดของลูกผู้ชายชาวตะวันออกกลางได้บ้างครับ ตอนนี้ผมกำลังจะส่งกาแฟสำหรับผู้ชายซึ่งผสมกระชายดำกับโสมสกัดซานซี ซึ่งผมว่าไม่ค่อยจะน่าให้ผลสำหรับท่านชายสักเท่าไร ต่อให้ร่วมกับกวาวเครือดำ กวาวเครือแดงด้วย ก็ยังไม่ค่อยเชื่ออยู่ดีครับ

เรื่องการเพาะเห็ด
- ผมดูความเป็นไปได้แล้วคือการปรุงอาหารที่นี่โดยการนำเข้าหัวอาหารของอาจารย์มาผสมเพื่อได้สารอาหารครบ และนำหัวเชื้อเห็ดที่อยู่ในขวดข้าวฟ่างมาหยอดใส่ไป สำหรับหัวเชื้อเห็ดนี้ถ้าขนส่งทางอากาศจะมีแรงกดอากาศสูงและอุณหภูมิที่ต่ำจะเป็นเหตุให้เชื้อเห็ดตายก่อนได้หรือไม่ครับ
- รงเรือนเปิดคงเป็นไปไม่ได้สำหรับตะวันออกกลาง คงทำได้เพียงช่วงการพักตัวให้เชื้อเห็ดเดินเต็ม ขั้นตอนการเปิดปากถุงต้องอยู่ในห้องที่ความคุมความชื้นได้ สำหรับการควบคุมความชื้นตามคำแนะนำของอาจารย์หากเราเปิดปากถุงในตู้คอนเทรนเนอร์เย็น จะมีวิธีการเพิ่มความชื้นแบบไหนที่เหมาะสมและกระจายได้ทั่วถึงรวมถึงความถี่ในการให้ความชื้นในอากาศ ในกรณีที่เราใช้ตัวตรวจจับความชื้นแล้วความคุมการเปิดปิดอุปกรณ์ให้ความชื้นอัตโนมัติสามารถทำให้ผลผลิตดีขึ้นหรือไม่จำเป็นอย่างไรครับ
- การเก็บดอกแต่ละครั้งจะดูอย่างไรครับว่าดอกขนาดไหนสามารถเก็บได้แล้วหรือรอก่อนไว้พรุ่งนี้เช้าหรือตอนเย็ฺนค่อยมาเก็บ
- หลังการเก็บต้องมีการดูแลอย่างไรให้เห็ดมีการออกดอกได้ดี และเห็ดแต่ละชนิดจะใช้เวลาในการออกดอกรุ่นถัดไปกี่วันครับ
- การทำเป็นอาชีพควรจะต้องมีการวางแผนการเปิดปากถุงให้ไม่พร้อมกันหรือไม่ครับเพราะเวลาการเก็บที่ห่างออกไปจะทำให้ช่วงดังกล่าวผลผลิตไม่มีออกมาจำหน่าย
- หลังการเก็บแล้วทำความสะอาดจากนั้นตัดวัสดุปลูกที่ติดโคนเห็ดทิ้งเก็บใส่ถุงที่ osmosis กับ Oxygen ได้ จะทำให้เก็บเห็ดได้นานขึ้น ราคาถุงตกใบละเท่าไรครับและสามารถเก็บได้ปริมาณเท่าไรครับ
- วิธีการระบายอากาศของตู้คอนเทรนเนอร์เย็นต้องเป็นอย่างไรครับ การดัดแปลงต้องมีประตูหน้าต่างให้หรือไม่ครับ อากาศที่นำเข้ามาต้องมีการผ่านการเพิ่มความชื้นก่อนที่จะเข้าตู้หรือไม่ครับ
- เมื่อผลผลิตของเห็ดน้อยลงไม่คุ้มกับการดูแลแล้วนั้น การนำก้อนเชื้อเห็ดไปทำเป็นปุ๋ยควรต้องมีกระบวนการอย่างไรบ้างครับ และการนำไปผสมต้องไปผสมกับอะไรในอัตราส่วนเท่าไร ผมเคยอ่านเจอว่าถ้าทำเห็ดฟางแล้วหลังจากทำเห็ดฟางเสร็จก้อนเชื้อที่เหลือสามารถนำไปเพาะเห็ดนางรม เห็ดนางฟ้าต่อได้ จริงหรือไม่อย่างไรครับ

เรื่องการเมืองสักหน่อยครับ
ผมว่าเดี๋ยวนี้ประชาชนเห็นภาพความฟอนเฟะของสังคมอำมาตย์ชั้นสูงมามากแล้วครับ เพียงแต่พูดไปก็จะโดนโทษาณุโทษไม่คุ้ม จะหนีก็ไม่รู้จะหนีไปไหน วนไปวนมาก็ยังต้องเจอตามหน้าจอทีวีทุกทีไป อาจารย์ว่ามันจะจบกันยังไงครับ ถ้ายุบสภาเลือกตั้งใหม่อดีตไทยรักไทยกลับเข้ามา เสื้อเหลืองชุมนุม ทหารหนุน อำมาตย์ดัน สั่งตำรวจไม่ทำงาน มันก็วนกลับมาที่จุดเดิมอีก แล้วมันจะไปออกทางไหนได้อีกครับ




wichai wattanasopon
สมาชิกทั่วไป
สมาชิกทั่วไป

จำนวนข้อความ : 247
Join date : 04/07/2010

ขึ้นไปข้างบน Go down

การทานเห็ดเป็นยาและคำตอบเรื่องเห็ดในห้องควบคุม‏‏ Empty Re: การทานเห็ดเป็นยาและคำตอบเรื่องเห็ดในห้องควบคุม‏‏

ตั้งหัวข้อ  สมาชิกทั่วไป Mon Jul 05, 2010 2:39 pm

เรียนคุณวิชัย


1.ก่อนอื่นต้องเข้าใจเสียก่อนนะครับว่า เห็ดเป็นยา เป็นส่วนผสมของเห็ดที่ทานได้หลายชนิด ที่ทานได้แบบผักทั่วๆไป เพียงแต่เห็ดพวกนี้ มีคุณสมบัติกระตุ้นร่างกายให้สร้างภูมิคุ้มกันได้สูงมากในเวลาที่ค่อนข้างสั้น กล่าวคือ ประมาณ 24-36 ชม. จะทำให้ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับภูมิคุ้มกันหรือภูมิต้านทาน มีภูมิต้านทานเพิ่มขึ้นมากถึง 5-6 พันเปอร์เซ็นต์ ดังนั้น เห็ดผสมเหล่านี้จึงไม่มีผลต่ออาหารประเภทพืชผักด้วยกัน ยกเว้น ผู้ป่วยมะเร็ง ที่มักมีปัญหาเกี่ยวกับการแบ่งตัวของเซลที่ผิดปกติและเป็นพิษต่อร่างกาย ผู้ป่วยประเภทนี้ ต้องระวังอาหารโปรตีนเป็นพิเศษ เพราะ อาหารโปรตีนจะไปเร่งการเจริญเติบโตของเซลมะเร็งอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งเห็ดก็ไม่สามารถที่จะยับยั้งได้หากเกิดการอักเสบอย่างรุนแรง อย่างท่านนายกสมัคร ที่ท่านทานเห็ดไปแค่ 3-4 สัปดาห์เท่านั้น แต่พอท่านมีความรู้สึกว่าดีขึ้น ท่านทานอาหารที่มีโปรตีนสูง โดยเฉพาะ ปลา ที่เป็นโปรตีนย่อยง่าย จะทำให้เกิดการบวมฉีบพลัน และเสียชีวิตเร็วมาก

2.ส่วนการทานนั้น หากทานเพื่อเป็นยา ควรทานก่อนอาหารสัก ครึ่งชม. เพื่อจะให้กระเพาะย่อยบางส่วน พร้อมทั้งจะถูกส่งไปยังลำไส้เล็กก่อน อย่าลืมนะครับว่า สารที่มีอยู่ในเห็ดนั้น ร่างกายไม่สามารถสร้างน้ำย่อยมาย่อยสลายตัวยาได้ แต่มันจะถูกจุลินทรีย์ที่อยู่ในลำไส้เล็กย่อย ก่อนที่จะถูกดูดเข้าไปในระบบต่างๆของร่างกาย

3.ปริมาณการบริโภคนั้น ในกรณีของบุคคลทั่วไปที่ไม่มีปัญหาเรื่องของโรคไขข้ออักเสบ หรือโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องต่างๆ เช่น โรคหัวใจ ความดัน เบาหวาน สามารถทานได้มาก 4-6 แคปซูลต่อมื้อก่อนอาหาร 3 ครั้งต่อวัน เมื่อความดันลดลง หรือเบาหวานเข้าที่ ก็ไม่จำเป็นต้องทานอีก หรือลดปริมาณลง หรือทานแต่น้อย เพื่อเป็นการประคองภูมิต้านทานให้สูงเข้าไว้ เช่นเดียวกับ ผู้ป่วยที่เข้าคีโมนั้น ควรต้องทานอย่างน้อย 4-5 แคปซูลต่อมื้อก่อนเข้าคีโม 3-5 วัน และทานต่อไปในช่วงที่ให้คีโมไปแล้ว จนอาการดีขึ้น ส่วนผู้ที่มีปัญหาและไวต่อการเปลี่ยนแปลงของภูมิคุ้มกันและมีผลต่อต้านค่อนข้างรุนแรงนั้น ควรเริ่มทานแต่น้อยไปก่อน เพื่อทำให้ร่างกายค่อยๆปรับตัวและสร้างภูมิต้านทานขึ้น

4.สามารถทานไปได้ตลอดชีวิตหากต้องการ เพราะก็เช่นเดียวกับทานผัก แต่หากร่างกายเข้าที่เข้าทางแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องทานก็ได้ หากไม่สามารถผลิตได้เอง โดยทานอาหารอื่นที่ช่วยส่งเสริมการสร้างภูมิคุ้มกันและช่วยระบบการย่อย เช่น ผักต่างๆ ยิ่งสดได้ยิ่งดี หมายความว่า หากทานเห็ดเป็นยาเข้าที่เข้าทางแล้ว ไม่จำเป็นต้องทานต่อครับ แต่ต้องระมัดระวังเรื่องการกินอาหารเป็นอย่างยิ่ง ให้ดีทานอาหารหยาบให้มากๆ และต้องคุมอาหารเรื่องโปรตีนไม่ว่าจะเป็นเนื้อหรือปลา ไข่ นม ควรหันไปทานถั่วหรือโปรตีนจากพืชแทนให้ได้มากที่สุดครับ

5.หากเทียบราคาเห็ดเป็นยากับยาทั่วไปนั้นต่างกันมากเลยครับ เพราะยานั้นนอกจากราคาจะแพงมากแล้ว ยิ่งราคายิ่งแพง เป็นยาเชิงเดี๋ยว มันจะเข้าไปรักษาเซลหรือจุดใดจุดหนึ่งเป็นการเฉพาะ ซึ่งมันก็จะทำลายหรือมีผลข้างเคียงต่อส่วนอื่นอย่างรุนแรงด้วย ยิ่งเป็นยาระงับทั้งหลาย ล้วนแล้วแต่เป็นอันตรายยิ่ง และนั่นแหละเป็นสาเหตุการตายของมนุษย์อย่างทรมานยิ่ง แต่เห็ดเป็นยานั้น ราคาเทียบไม่ได้เลยกับยาพวกนี้ เพียงแต่เป็นผลิตภัณฑ์ที่หมอไม่ได้เป็นคนสั่งจ่ายเท่านั้น ผู้ใช้จะเป็นคนจ่ายเงิน จะซื้อกี่แคปซูลก็เอาราคาคูรเข้าไป ไม่เหมือนไปหาหมอ ที่ผู้ใช้ไม่ต้องไปนับยา หรือจะใช้ยาอะไร อะไรก็ตามที่หมอฉีด หมอจัดให้ ก็ต้องรับโดยดุษฎี พร้อมทั้งที่สำคัญที่ปฎิเสธไม่ได้เลย คือ บิลเงินสดๆๆ ที่ไม่มีโอกาสอุธรณ์ใดๆทั้งสิ้น แต่ต้องควักเงินจ่ายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทีนี้ในกรณีที่ว่าจะต้องใช้เงินจากการคำนวณว่ามหาศาลถ้าใช้เห็ดเป็นยานั้น ผมว่าผิดถนัดครับ เพราะผู้ใช้ควรต้องจัดการต่างๆในชีวิตของเขาเองด้วย อาจจะจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้เฉพาะกรณีคับขัน แต่พอบรรเทาแล้ว ก็ค่อยๆผ่อน หรือหันไปทานอย่างอื่นทดแทน แต่ในแง่ธุรกิจแล้ว การที่จะทำผลิตภัณฑ์นี้เพื่อคนทั้งหมดคงเป็นไปไม่ได้ เพราะทุกวันที่ผลิตอยู่นี้ก็ทำไม่ทันไม่ไหวแล้วครับ คงจะต้องเลือกเฉพาะรายครับ และส่วนผสมบางอย่างเช่น เห็ดถั่งเช่า ราคาที่ขายกัน ณ วันนี้ที่ร้านเวชพงค์ราคา กรัมละ 14,000 บาท หรือ กก.ละ 1.4 ล้านบาท แน่นอนครับ คนที่ไม่มีเงินทานไม่ได้แน่ๆ นี่ไงผมจึงทำธุรกิจอะไรไม่ได้ในเมืองไทย เพราะผมใจอ่อน บางครั้งพอขายได้บ้าง แต่พอขายไปก็ต้องใจอ่อน เพราะเขาไม่มีเงิน ก็เลยต้องยอมทำให้ฟรีไปเยอะมาก จนตอนนี้รับภาระไม่ไหวแล้ว เพราะมันฟรีเสียเป็นส่วนใหญ่

ส่วนคนที่ตะวันออกกลางมีปัญหาเช่นเดียวกับแอฟริกานั้น น่าจะเป็นจริง เพราะพวกนี้ มีปัญหาทางด้านการกินเท่านั้น และการทำธุรกิจกับคนพวกนี้ก็ง่ายกว่า เช่น ที่ผมทำกับคนแอฟรกานั้น ล้วนแล้วแต่มีปัญหาเรื่องอ้วนเกินไป ระบบย่อยย่ำแย่ ไขมันสูง เป็นโรคความดัน หัวใจและเบาหวาน และโรคต่างๆเหล่านี้แหละที่ทำให้อารมย์ทางเพศเสื่อมโดยสิ้นเชิง แล้วคนแอฟริกานี้แหละ ที่พอมีเงินแล้ว จะต้องมีเมียมากจึงจะเป็นคนที่สังคมยกย่อง และที่ปฎิบัติกันนั้น เมื่อผู้หญิงเริ่มแตกสวย หน้าอกเริ่มนูนหรือปูดขึ้น ก็จะมีเพื่อนชายที่เรียกว่า Boyfriend แล้ว โดยจะมีเพศสัมพันธ์กันแบบไม่ถือสาตั้งแต่เด็ก นี่ไงเป็นสาเหตุที่ทำให้โรคเอดส์มันแพร่กระจายไปเกือบ 70%ของวัยรุ่นในแอฟริกา คนแอฟริกาจึงหาทุกวิถีทางที่จะหาอะไรก็ได้ที่จะช่วยปลุกอารมย์ทางเพศ เพื่อให้อวัยวะเพศสู้สงครามได้มากที่สุด จึงกลายเป็นเหยื่อของคนผลิตยาปลุกเซกส์ โดยเฉพาะเวียอะกรา ขายดีมากในแอฟริกาแบบเทน้ำเทท่า แต่ก็มีคนตายเรื่องการใช้พวกนี้เยอะมาก จึงทำให้คนทวีปแอฟริกาอายุเฉลี่ยเพียง 47 ปีเท่านั้น ตอนนี้คนแอฟริกาหันมาใช้ยาและอาหารจากทางตะวันออก กลับพิสูจน์แล้วว่า แม้ว่าจะไม่ได้ผลทันที แต่ในระยะยาวร่างกายกลับดีขึ้น แน่นอนจะมีผลโดยตรงกับผลของความต้องการทางเพศไปด้วย ผมคิดว่า หากเป็นไปได้ คนที่ต้องการยาหรืออาหารพวกนี้ มักจะเป็นคนมีอันจะกิน เป็นไปได้ไหม ที่จะทำยาให้คนพวกนี้ และคิดราคาสูงหน่อย แล้วเอามาชดใช้กับยาที่จะทำให้คนหาเช้ากินค่ำ นี่ก็เพียงเป็นแนวคิดเท่านั้น คงต้องดูโดยละเอียดรอบด้าน


ส่วนเรื่องเห็ดนั้น
1.นั่นเป็นเรื่องที่ดีที่สุดในการเริ่มต้น เชื้อเห็ดสามารถเดินทางไปได้ทั่วโลก เพราะทุกวันนี้ก็ส่งไปที่ลาตินอเมริกาทางเครื่องบินอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วงเรื่องของความเย็นและความกดดัน ยกเว้ยอย่าให้ร้อนเกินไปเท่านั้น

2.น่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด ที่จะใช้ห้องควบคุม ยิ่งการควบคุมบรรยากาศอัตโนมัติ เดี๋ยวนี้ราคาไม่กี่ตางค์ ใช้ได้ดี ส่วนการระบายอากาศแน่นอนครับต้องเจาะให้อากาศเข้า-ออก แต่ไม่ต้องห่วงเรื่องการกระจายอากาศ เพราะเครื่องปรับอากาศพัดลมทำงานอยู่แล้ว เพียงแต่เราเป่าอากาศบริสุทธ์เข้าไปเท่านั้น แน่นอนครับ อากาศที่เข้าไป หากเป็นไปได้ ให้เพิ่มความชื้นเสียก่อน โดยการใช้ผ้าหรือกระสอบซับถาดน้ำที่วางไว้ด้านบน จะทำให้ความชื้นในโรงเรือนไม่ได้รับการกระทบกระเทือนมากเกินไป

3.ขนาดของดอกเห็ดขึ้นอยู่กับชนิดของเห็ด แต่ควรเก็บก่อนการส้รางสปอร์ ซึ่งหากเป็นเห็ดนางรม นางฟ้า ก็จะต้องเก็บก่อนที่ขอบดอกจะกางออก

4.คำถามนี้เป็นคำตอบที่ยาว แต่ละเห็ดมีการดูแลรักษาที่แตกต่างกัน แต่หากเริ่มเฉพาะเห็ดนางรม เห็ดนางฟ้านั้น ก็เพียงทำความสะอาดหน้าก้อนทุกครั้ง แล้วเห็ดจะทยอยออกไปเรื่อยๆ และหรือในกรณีเป็นเห็ดนางฟ้า อาจจะหยุดรดน้ำและดึงอุณหภูมิให้ต่ำหรือสูงขึ้นให้ต่างกันสัก 8 องศา แล้วกลับมาอยู่ที่ 24-26 องศาแบบนี้จะออกดอกพร้อมๆกันตามสั่งได้ ส่วนเห็ดอื่น เช่น เห็ดเป๋าฮื้อ เห็ดโคนญี่ปุ่น พอออกดอกแล้ว ต้องพักสัก 3-4 สัปดาห์แล้วจึงนำมากระตุ้นให้เกิดดอกใหม่อีก เห็ดพวกนี้จะออกดอกได้นานเป็นปี

5.หากทำเป็นธุรกิจจริงๆจังๆควรวางแผนเปิดเป็นชุดๆ เพื่อจะให้มีดอกเห็ดส่งตลาดตลอดเวลา

6.ถุง MAP(Modified asmospheric plastic bag) เป็นถุงพิเศษที่ทำมาจากสารผสมไนลอนพิเศษที่มีคุณสมบัติให้ก๊าซออกซิเจนซึมผ่านได้ ทำให้ในถุงมีออกซิเจนได้มากถึง 10% จึงสามารถเก็บพืชผักให้มีความสดเสมอ และยืดอายุได้นานกว่าปกติประมาณ 3 เท่า โดยทั้งเห็ดและผักจะสดเสมอ ไม่เฉอะแฉะเหมือนถุงทั้วไป ผมว่าถุงแบบนี้แหละ คุณสามารถเอาไปใช้ได้ที่โอมานอย่างดีเลย และช่วยทำให้คุณวางแผนการผลิตเห็ดได้ กล่าวคือ บางครั้งเห็ดอาจจะออกมากเกินที่ตลาดต้องการ ก็สามารถเก็บไว้ในถุงนี้ได้นานนับสัปดาห์ ส่วนราคาก็ไม่แพงกว่าถุงพลาสติกธรรมดาเท่าไหร่ เรื่องราคาทั้งหลายผมไม่ค่อยอยากรู้รายละเอียด เป็นหน้าที่ของฝ่ายขาย ผมจะเน้นเรื่องวิชาการเท่านั้นครับ แต่รับรองว่าคุ้มแน่ๆ ขอให้คนที่เมืองไทยโทรตรวจสอบราคาได้ที่ 029083308 และ 0860830202

7.ในกรณีที่เห็ดนางรม นางฟ้า ออกดอกน้อยแล้ว สามารถแกะก้อนมาอัดรวมกันแล้วดินเอาดินคลุมก็จะได้ผลผลิตไปได้อีกระยะหนึ่ง จากนั้นไม่ต้องทำอะไรแล้ว เอาทั้งดินที่คลุมและวัสดุเพาะเห็ดมากองกันไว้ เอาเชื้อยูเอ็มที่ให้คุณไปใส่เข้าไปนิดหน่อย กองไว้สูงประมาณ 80-100 ซม.ที่โอมานควรคลุมด้วยผ้าพลาสติกให้เกิดการหมัก กลับกองทุน 3-5 วัน พอหมดความร้อนแล้ว ก็เอาไปใช้เป็นปุ๋ยพืช หรือปุ๋ยปลูกพืชที่ดีที่สุดขายได้เลย แน่นอนเอาไปเพาะเห็ดฟางได้อีก แต่ไม่แนะนำที่โอมาน ฉันใด เพาะเห็ดฟางที่โอมานแล้วเอามาเพาะเห็ดอื่นก็ไม่แนะนำเช่นกัน ที่คุณอ่านๆนั้น มันทำได้ในไทยแต่ก็ไม่มีการยึดถือปฎิบัติกันมากนัก

ส่วนเรื่องการเมือง
ผมว่าเรื่องนี้ไม่นานแน่อน และสวรรค์นรกมีจริงครับ แม้ว่าบางสิ่งบางอย่างพูดไม่ได้ แต่ทุกคนเขารู้กันหมดแล้ว เมื่อคืนคุณวีระ พูดได้น่ารักและน่าคิดมาก ที่แกบอกว่า เมื่อแกมีเวลาว่างที่จะคิดก่อนนอนว่า แกเหงา แกผิดหวัง แกท้อแท้ แกว้าเหว่ ที่มาสู้ๆๆๆๆๆๆ โดยหาคำตอบ คำอธิบายไม่ได้ หรือได้ก็ไม่รู้จะกลั่นกรองมาเป็นคำพูดเช่นไร แต่พอแกได้หลับและพักผ่อนอย่างเต็มที่ แล้วจึงเกิดสติเห็นธรรม เห็นความจริง และสัจธรรมว่า พวกเราที่จริงคือ ไพร่กำพร้าครับ เคยหวังว่าจะมีพ่อ มีแม่มาช่วยเหลือสร้างความยุติธรรมให้ แต่ก็เป็นแค่ฝัน เพราะเราคือ ไพร่กำพร้าครับ ดังนั้น การที่จะอยู่รอดปลอดภัยได้นั้น ไพร่กำพร้าจะต้องอาศัยหลัก ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนเท่านั้นครับ วันนี้ตอบยาวมากไปหน่อย ขณะที่รัฐบาลโจรมันปิดหูปิดตาทุกทางแล้ว ผมในฐานะไพร่กำพร้าจะออกไปช่วยไพร่กำพร้าด้วยกันก่อน และก็ยังรอไพร่กำพร้าพลังเงียบที่ยังระร้าระรังอยู่ออกมาช่วยกันด้วย และขอความร่วมมือจากทุกฝ่ายที่มีข้อมูลอันใด ช่วยแจ้งมาให้ทราบด้วย เพราะเราไม่มีทางสื่อสารกันได้หลายทางแล้ว





ดร.อานนท์ เอื้อตระกูล

สมาชิกทั่วไป
สมาชิกทั่วไป

จำนวนข้อความ : 247
Join date : 04/07/2010

ขึ้นไปข้างบน Go down

ขึ้นไปข้างบน


 
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ