Anon Biotec web board
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

รวมคำถามจากสมาชิกที่ฝากคำถามที่อานนท์ไบโอเทค ตลาดไท

Go down

รวมคำถามจากสมาชิกที่ฝากคำถามที่อานนท์ไบโอเทค ตลาดไท Empty รวมคำถามจากสมาชิกที่ฝากคำถามที่อานนท์ไบโอเทค ตลาดไท

ตั้งหัวข้อ  Pai_Anonworld Thu Mar 10, 2011 8:55 am

นี่ก็เป็นอีกช่องทางหนึ่ง สำหรับท่านที่ไม่สะดวกในการถามผ่านกระทู้ในเน็ต แต่ก็เปิืดเน็ตอ่านกระทู้ทุกวัน จึงเลือกที่จะไปถามด้วยตัวเอง หรือโทรศัพท์ไปฝากคำถาม โดยสัปดาห์ที่ผ่านมาได้รวมรวมคำถามจากสมาชิกหลายท่าน รวมทั้งของคุณกาย ด้วยดังนี้
1. เป็นซีสในตับ กินอะไรถึงจะหาย
2.เครียด
3.มีเห็ดหรือสมุนไพรกินเพียงอย่างเดียวแล้วมีตัวยาครบ
4. ตอนแรกเป็นเบาหวาน พอรักษาโรคเบาหวานอยู่หมัด ก็พบว่า เป็นมะเร็งตับ
นี่คือ คำถามสั้นๆ แต่ก็คงต้องรอคำตอบจาก ดร.อานนท์ ที่จะฝากคำตอบออกมา แต่ก็หากจะมองเพื่อให้เกิดความกระจ่างและความเป็นธรรมแก่ผู้ที่จะตอบ ผู้ถามน่าจะถามให้ละเอียดกว่านี้ โดยน่าจะเล่าให้ฟังว่า เป็นซีสเมื่อไหร่ แล้วตอนนี้ อาการซีสมันเป็นไง หรืออย่างเช่น เครียด ถามกันมาสั้นๆ แล้วคนตอบก็คงตอบลำบาก เพราะไม่รู้คุณไปเครียดเรื่องอะไร บางคน อาจจะเครียดเรื่องเงิน เรื่องครอบครัว เรื่องส่วนตัว เรื่องโรค ก็เลยไม่รู้ว่า ที่ว่าเครียดนั้น อะไรเป็นสาเหตุของมัน เพราะหาก ผู้ถามเครียดเรื่องเงิน แล้วจะไปหายาหรือเห็ดอะไรที่จะมาเยียวยาอาการเครียดเช่นนี้ได้
ทางเรายินดีที่จะไขข้องสงสัยเรื่องโรคต่างๆให้ แต่ก็อยากจะขอความร่วมมือจากท่านด้วยว่า เวลาจะถามเรื่องของท่านเองนั้น หากต้องการความแม่นยำ กรุณาให้รายละเอียดเราให้ได้มากที่สุด ก็จะช่วยให้การวินิจฉัยหรือแนะนำวิธีการดูแลรักษาได้แม่ยำยิ่งขึ้น
Pai_Anonworld
Pai_Anonworld

จำนวนข้อความ : 1316
Join date : 29/11/2010
Age : 41

http://www.anonworld.com

ขึ้นไปข้างบน Go down

รวมคำถามจากสมาชิกที่ฝากคำถามที่อานนท์ไบโอเทค ตลาดไท Empty ผมได้คำตอบจาก ดร.อานนท์มาฝาก

ตั้งหัวข้อ  Pai_Anonworld Mon Mar 14, 2011 7:04 am

วันนี้(ที่ 13 มีนาคม ) ผมได้ไปที่ฟาร์มเห็ดของอานนท์ไบโอเทค ที่ซอยไอยรา 38 หลังจากที่ได้ไปทำบุญที่วัดปัญญาคลอง 6 เนื่องในโอกาสใกล้วันครบรอบวันคล้ายวันเกิด ของ คุณพ่อ คือ ดร.อานนท์ ในวันที่ 15 มีนาคม ที่จะถึงนี้ โดยท่านจะมีอายุครบ 58 ปี วันนี้ ช่วงเช้า ดร.อานนท์ ได้ไปร่วมในงานพิธีแจกประกาศนียบัตรให้แก่ หลานชาติ หนูบ๊อบ( ดช.โชคชัย เอื้อตระกูล) ที่จบการศึกษาระดับอนุบาล 3 ของโรงเรียนเปรมฤทัย ประตูน้ำพระอินทร์ ผมได้เจอกับคุณพ่อตอนบ่าย ในช่วงที่ท่านทำงานเบาๆ ด้วยการปั๊มกระดาษสำหรับปิดขวดหัวเชื้อ และรดน้ำต้นไม้ โดยท่านบอกว่า การทำงานลักษณะนี้ เพื่อต้องการสมธิ ที่จะรวบรวมที่จะตอบปัญหาที่คั่งค้างอยู่ ท่านได้เล่าให้ฟังว่า ปัญหาบางอย่าง ใช่ว่าอยู่ๆ ก็จะรีบตอบๆไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพนั้น ต้องอาศัยทั้งประสบการณ์และความรู้ที่เกี่ยวข้องจากทุกภาคส่วน ยกตัวอย่าง ปัญหาที่คุณกายถามมาสั้นๆ หรือมีสมาชิกอีกหลายท่านที่ถามมาเกี่ยวกับมะเร็งเ้ต้านม และอื่นๆอีกหลายโรค วันนี้ ท่านคงมีความพร้อมพอที่จะตอบคำถามคุณกายดังนี้ครับ
1. การเป็นซีสในตับนั้น เกิดจากการอักเสบแล้วร่างกายไม่สามารถขับออกมา ทำให้เกิดก้อนเนื้ออยู่ มันไม่ใช่เนื้องอก หากมีขนาดเล็กก็ไม่จำเป็นต้องเอาออก ยกเว้นมีขนาดโตมาก จนอาจจะไปเบียดเอากับท่อหรือถุงน้ำดีเข้า อาจจะต้องทำการผ่าตัดออก ไม่สามารถกินหรือใช้ยาละลายออกมาได้ มันไม่เหมือนนิ่ว เห็ดก็ไม่สามารถช่วยได้ แต่ป้องกันการอักเสบ อันเป็นสาเหตุทำให้เกิดซีสต์ได้
2.วิตกกังวล เครียด
ความรู้เรื่องการกดจุดเป็นของเก่าแก่และมีมานานหลายพันปีซึ่งเป็นที่ยอมรับ ของชาวจีน ศาสตร์แห่งการกดจุดได้แพร่หลายไปทั่วโลก ทั้งในอเมริกาและยุโรป โดยเฉพาะในยุโรป Dr.Frank Bahr ท่านเป็นแพทย์ชาวเยอรมัน เป็นผู้มีความเชี่ยวชาญในเรื่องการกดจุดโดยเฉพาะ ท่านได้ศึกษาและเขียนตำราการกดจุดไว้ ซึ่งผู้เขียนเห็นว่ามีประโยชน์ เหมาะสำหรับนำมาเผยแพร่แก่ประชานชนในการดูแลสุขภาพ เพราะการกดจุดก็คือศาสตร์แขนงเดียวกับการฝังเข็มที่เราๆท่านๆรู้จักกันดี แต่กดจุดเป็นการฝังเข็มโดยไร้เข็ม ทั้งยังไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดเหมือนฝังเข็ม และไม่มีอันตรายใดๆต่อผู้ทำ ถ้าท่านกดได้ถูกวิธีและมีประสิทธิภาพก็จะได้ผลในการรักษา ทั้งยังช่วยเสริมการรักษาของแพทย์ให้หายเร็วขึ้น แต่ถ้าท่านทำแล้วไม่ได้ผล ก็ไม่มีข้อเสียหายอะไร
ในปัจจุบันนี้จะพบว่าปัญหาความวิตกกังวลได้แทรกซึมเข้าไปในบุคคลทุกวงการ และอาจจะทุกคนด้วยซ้ำไป
คุณ คงไม่ปฏิเสธว่า เกิดมาไม่เคยมีความวิตกกังวลแน่นอน มันอาจจะเกิดขึ้นในช่วงใดช่วงหนึ่งของชีวิตคุณ และบางคนก็สามารถแก้ปัญหาให้ผ่านพ้นไปได้ แต่บางคนความวิตกกังวลมักจะเกิดขึ้นอยู่บ่อยๆซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนต้องหันไปพึ่งยากล่อมประสาทเป็นจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ
อาการ
อาการ เริ่มแรกเกือบจะไม่รู้สึกเพราะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายใต้จิตสำนึกธรรมดาซึ่ง คนปกติทั่วๆไปก็เป็นได้บางครั้งบางคราว เช่น นักเรียน นักศึกษามักจะเกิดความวิตกกังวลเมื่อใกล้สอบ ลูกจ้างกลัวว่าจะตกงาน แม่บ้านมักจะวิตกกังวลเรื่องลูกๆ สามีและปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งไม่ค่อยจะพอใช้ ปัญหาเศรษฐกิจ เชื่อว่าแทบจะทุกครัวเรือนก็ว่าได้กำลังประสบปัญหานี้ ผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ก็มักจะวิตกกังวลกลัวว่าลูกในท้องจะพิการหรือไม่ ได้เพศตามที่ตนต้องการ เหล่านี้เป็นต้น
ความวิตกกังวลที่กล่าวมานี้ถ้ามี เล็กน้อยก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่บางรายเป็นมากจนเกิดอาการกินไม่ได้ นอนไม่หลับ บุคลิกภาพเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เช่น ฝันร้าย เก็บตัว ไม่ค่อยพูด
สาเหตุ
ความ เครียดเป็นสิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นบ่อย เนื่องจากขาดความเชื่อมั่นในตัวเอง ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากการอบรมเลี้ยงดูในวัยเด็ก หรือพ่อแม่ที่คาดหวังอะไรมากจนเกินไปก็เป็นสาเหตุให้เกิดความวิตกกังวลได้ มีส่วนน้อยที่เกิดจากกรรมพันธุ์ ถ้าท่านประสบปัญหาท่านควรจะไปปรึกษาแพทย์ด้วย
ข้อแนะนำทั่วไปก่อนกดจุด

1. นั่งหรือนอนในท่าที่สบายมือที่จะกดจุดไม่ควรเย็น ถ้าเย็นควรทำมือให้อุ่นก่อนโดยแช่ในน้ำอุ่น หรือใช้ผ้าห่อมือไว้
2. ถ้าท่านมีผิวหนังที่แพ้ง่าย อาจจะใช้โลชั่นหรือแป้งฝุ่นทาบริเวณที่จะกดจุดก่อนลงมือกดจุด
3. ระหว่าทำการกดจุด บางรายอาจจะมีเหงื่อออกมาก ควรให้พักระหว่างการกดจุดได้
4. .ในวันที่อากาศหนาวเย็น เมื่อกดจุดเสร็จเรียบร้อย ก่อนออกไปนอกบ้านควรสวมเสื้อให้อบอุ่น


ข้อแนะนำก่อนกดจุด

1. การกดจุด หมายถึงการนวดจุดๆนั้นโดยใช้ปลายนิ้วมือที่เล็บสั้น
2. อ่านและดูรูปที่แสดงตำแหน่งการกดจุดให้เข้าใจ แล้วลองกดจุดที่อยู่บนร่างกาย สำหรับจุดที่อยู่บนใบหูอาจจะใช้กระจกส่องช่วยหาจุด หรือวานให้ใครคนใดคนหนึ่งดูจุดนั้นในรูปแล้วชี้ตำแหน่งให้
3. เมื่อท่านกดถูกจุดๆนั้นจะให้ความรู้สึกได้ดีกว่าบริเวณรอบๆ และควรกดจุดให้แรงพอ
4. นิ้วมือที่นิยมใช้กดจุด มักใช้นิ้วชี้ โดยให้ปลายนิ้วมือตั้งฉากกับผิวหนัง และนวดไปตามทิศทางที่ลูกศรชี้ในภาพ นวด (ถู) ออกไปเป็นระยะทาง 1 นิ้ว การนวดควรนวดประมาณ 30 ครั้ง ต่อ 10 วินาที หรือ 70-100 ครั้งต่อนาที
5. จุดบนใบหูอาจจะใช้ปลายนิ้วก้อยหรือปลายดินสอ ปากกามนๆ นวดได้ เพราะบริเวณใบหูเล็กและแคบกว่าร่างกาย
6. การกดจุดตามหลักของจีนได้กำหนดเวลาในการกดแต่ละครั้งไว้ดังนี้
เด็กอายุ 0-3 เดือน ใช้เวลากดทั้งหมด ½-3 นาที
เด็กอายุ 3-6 เดือน ใช้เวลากดทั้งหมด 1-4 นาที
เด็กอายุ 6-12 เดือน ใช้เวลากดทั้งหมด 1-5 นาที
เด็กอายุ 1-3 ปี ใช้เวลากดทั้งหมด 3-7 นาที
เด็กโต ตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ใช้เวลากดทั้งหมด 5-10 นาที
ผู้ใหญ่ ใช้เวลากดทั้งหมด 5-10-15 นาที
7. จุดที่กดอยู่บนร่างกาย ควรกดหรือนวดทั้ง 2 ข้างของลำตัว (ร่างกายจะแบ่งเป็น 2 ข้าง คือ ข้างขวาและซ้าย)
8. ระยะต่างๆ ที่ใช้ในการวัด จะวัดจากความกว้างของนิ้วมือของผู้กดจุดเอง

การรักษา
กด จุดที่ร่างกายสลับวันกับใบหู ควรนวดวันละ 5 นาที ถ้าเกิดความเครียดหรือวิตกกังวลมากในเวลาใกล้ใกล้สอบ ให้เริ่มกดจุดสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ก่อนที่จะมีการสอบ คนไข้ที่รับประทานยากล่อมประสาทอยู่ วันหนึ่งเขาจะรู้สึกว่าดีขึ้นจากการกดจุดเข้าช่วย และจะสามารถลดขนาดการกินยาลงได้ แต่ควรจะปรึกษาแพทย์ก่อน และในที่สุดท่านจะสามารถเลิกการใช้ยาได้อย่างเด็ดขาด
หรือทานเห็ดที่มีส่วนผสมเห็ดถั่งเช่า ไม่จำเป็นต้องเป็นเห็ดถั่งเช่าที่มาจากทิเบตหรือภูฎานที่มีราคาเป็นล้าน สามารถใช้เห็ดถั่งเช่าสีทองแทนได้ เพราะเห้ดถั่งเช่าสีทอง มีสาร Cordycepins มากกว่า เห็ดถั่งเช่าแท้เสียอีก แต่ราคาถูกกว่ามาก สรรพคุณของเห็ดถั่งเช่า จะไปช่วยทำให้ร่างกายนำเอาอ๊อกซิเจนไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้ผู้ป่วย หรือผู้ที่เครียดผ่อนคลายและสดชื่นขึ้นได้ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ป่วยผักฟื้นที่ไม่มีกำลังวังชา อ่อนเพลีย

3. โดยปกติแล้ว ไม่น่าจะมีสมุนไพรหรือยาตัวไหนที่มีสรรพคุณครบทุกอย่าง แม้แต่เห็ดที่ทางอานนท์ไบโอเทคผลิตขึ้นมา เพื่อใช้รักษาหรือป้องกันโรคนั้น ส่วนใหญ่จำเป็นจะต้องใช้เห็ดที่มีคุณสมบัติทางยาที่เด่นชัดหลายชนิดรวมกัน เท่านั้น ยังไม่พอ จะต้องมีการเติมสมุนไพรที่ช่วยเสริมเข้าไปอีกด้วย แต่ถ้าถามว่า มีเห้ดอะไรบ้าง ที่ทานไปแล้ว โรคจะหายไปเลยนั้นตอบยากมาก เว้นเสียแต่ว่า จะทำให้หายไปจากโลกไปเลย ก็คือ เห็ดพิษ ซึ่งเห็ดพิษบางชนิด เช่น เห็ดละโงกหิน Amanita muscaria ไม่ต้องทานมากเลย แค่ครึ่งดอกก็ตายแล้ว
4. คนที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานนั้น ต้องระวังเป็นอย่างยิ่งที่จะมีโรคแทรกซ้อน เพราะเมื่อเป็นเบาหวานแล้วนั้น แสดงว่า ร่างกายเราไม่มีความสามารถในการสร้างเอ็นไซม์มาเผาผลาญน้ำตาลในเส้นเลือดได้หมด ทำให้น้ำตาลคั่งค้างอยู่ในระบบเลือด จะก่อให้เกิดของเสีย จะทำให้ทั้งตับ ไต ม้าม ทำงานมากกว่าปกติ และอาจจะมีอนุมูลอิสระเกิดขึ้นในร่างกายมากมาย อันจะเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดเซลมะเร็งขึ้นได้ ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่รักษาโรคเบาหวานแล้ว กลับไปเจอมะเร็งในตับเสียอีก การรักษาเบาหวานตามทัศนะของนวัตกรรมแผนใหม่นั้น เป็นการรักษาแบบจุลภาค กล่าวคือ เป็นการรักษาแบบเกลือจิ้มเกลือ คือ พอรู้ว่า เป็นเบาหวาน ก็จะใช้การรักษาแบบกระตุ้นให้ร่างกายสร้างฮอร์โมนอินซูลิน หรือฉีดอินซูลินเข้าไป ซึ่งเป็นกรรักษาแบบปลายเหตุ จริงๆแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเบาหวาน หรือโรคต่างๆที่เราผจญอยู่ทุกวันนี้ สาเหตุมาจาก ระบบการสร้างภูมิคุ้มกันและการผลิตเอ็นไซม์บกพร่อง แทนที่เราจะหาทางรักษาหรือป้องกัน เรากลับปล่อยให้มันมีปัญหาเกิดขึ้น จนแทบจะสายไปเสียแล้ว จริงๆแล้ว การเป็นโรคเบาหวานนั้น สามารถรักษาและป้องกันได้ เพราะสิ่งที่ก่อให้เกิดปัญหา หรือสาเหตุเกิดมาจากตับอ่อน ไม่สามารถสร้างเอ็นไซม์มาย่อยอาหาร โดยเฉพาะน้ำตาลได้หมด ทั้งนี้ เนื่องจาก ตับอ่อนมีความบกพร่องหรืออักเสบ การรักษาความบกพร่องของตับอ่อนด้วยสารเคมีเพียงอย่างเดียว จะไม่ได้ผล ในทางตรงกันข้าม กับทำให้เลวร้ายยิ่งๆขึ้น กลายเป็นตับอ่อนพิการและเป็นเบาหวานอย่างรุนแรงไป แต่การที่เราทานอาหารที่ไปช่วยแบ่งเบาภาระอันหนักอึ้งของตับอ่อน จะเป็นทางเลือก และเป็นการแก้ปัญหาแบบบูรณาการที่ยั่งยืน มั่นคง ผู้ที่เป็นเบาหวาน สามารถดูแลรักษาตัวเองได้ง่ายๆ แทบจะไม่ต้องไปลงทุนอะไรให้ยุ่งยาก หรือแพงนัก ด้วยการทานอาหารที่มีเอ็นไซม์สดๆเข้าไป เช่น ผัก ผลไม้(ที่ไม่สุก เช่น ฝรั่ง มะม่วงดิบ) เป็นต้น แล้วทานอาหารที่มีเอ็นไซม์ช่วยย่อยน้ำตาลเข้าไป อันได้แก่ ข้าวหมาก หรือสาโท ที่เพิ่งผ่านการหมักใหม่ๆ 1-2 วัน(ยังไม่เกิดแอลกอฮอลล์) เพียงแค่มื้อละ 1 ช้อนชาก่อนอาหารก็เพียงพอแล้ว และควรทานเห็ดที่เป็นยาเข้าไป เพื่อป้องกันการเกิดอักเสบ หากทำการรักษาหรือป้องกันเช่นนี้ เอ็นไซม์ที่ทานเข้าไป ก็จะไปช่วยย่อยแป้งและน้ำตาลได้ส่วนหนึ่ง จะช่วยแบ่งเบาภาระของตับอ่อนได้เป็นอย่างดี ส่วนเห็ด ที่สารเบต้ากลูแคน มันจะไปช่วยในการยับยั้งและป้องกันการอักเสบได้ ในระยะยาว เบาหวานก็จะสามารถรักษาได้ แต่ในกรณีที่รักษาเบาหวานได้แล้ว แต่กลับพบว่า เป็นมะเร็งตับอีกนั้น ต้องทำการรักษาทั้ง 2 อย่างควบคู่กันไป โดยสาเหตุหลักก็เพราะการเกิดการอักเสบ สิ่งที่จะช่วยบรรเทาปัญหาได้ ก็ควรจะแก้เรื่องของการอักเสบ เนื่องจากร่างกายขาดภูมิต้านทานที่ดีนั้นเอง ส่วนผสมของเห้ดกระดุมบราซิล เห็ดขอนช้อน เห็ดกระถินพิมานและเห็ดหลินจือ สามารถช่วยแก้ปัญหาได้ระดับหนึ่ง ด้วยการทานเห็ดผสมเหล่านี้เข้าไปเป็นประจำ
Pai_Anonworld
Pai_Anonworld

จำนวนข้อความ : 1316
Join date : 29/11/2010
Age : 41

http://www.anonworld.com

ขึ้นไปข้างบน Go down

ขึ้นไปข้างบน

- Similar topics

 
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ