น้ำลด ตอผุด เริ่มมีการแฉคนที่อยู่เบื้องหลังทำให้น้ำท่วมทำลายไทยเกือบครึ่งประเทศ

[Pai_Anonworld]

ใครก็ตามที่ติดตามข่าวการอภิปรายเรื่องงบประมาณแต่ชื่อ เอาเข้าจริงๆเป็นการชิงไหวชิงพริบกันเรื่องน้ำท่วม และการหลั่งน้ำตาของนายกหญิง ในส่วนของผู้หญิงด้วยกันแต่อยู่คนละพรรคก็เยาะเย้ยถากถางว่า เป็นน้ำตาของผู้อ่อนแอ แล ะเป็นการดูถูกเพศหญิง บ้างก็ว่าเป็นคนขี้แง(เป็นภาษาที่คนเหนือ โดยเฉพาะคนแพร่เขาใช้กัน และคนที่พูดก็เป็น สส.บัญชีรายชื่อจากแพร่ ที่เป็นเมียนายตำรวจในสมัยรัฐบาลชุดที่แล้ว) นั่นก็เป็นความถนัดของผู้หญิงที่มีจิตใจเป็นจรเข้ คือ เป็นประเภทคนที่ไร้ความรู้สึก ไม่รู้สึกรู้สากับคนอื่นที่เขาทนทุกข์ทรมาณ จริงๆแล้วการหลั่งน้ำตานั้น ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงสัญญาลักษณ์ของความอ่อนแอเลย เพียงแต่บางเหตุการณ์ มันเป็นความรู้สึกร่วมเท่านั้น นี่เราก็จะได้รู้ธาตุแท้ของมนุษย์ ส่วนคนแพร่ที่ว่านั้น คนแพร่เองเขาไม่เลือกมาเป็นผู้แทนมานานแล้ว ปล่อยแกไปตามทางของแกเถอะ ทีนี้มาดูเรื่องของน้ำสิ ตอนนี้ ความจริงเริ่มเอามาตีแผ่แล้ว จะได้รู้ได้เห็นเสียทีว่า ที่เราได้รับเคราะห์กรรมกันทั่วถ้วนหน้านั้น มันเป็นฝีมือมนุษย์ หากเขื่อนใหญ่มีการพร่องน้ำออกมาเสียก่อนให้เหลือในปริมาณที่จะรองรับพายุที่จะเข้ามาใหม่ได้ดี อย่างมีสามัญสำนึกของคนส่วนใหญ่ทั่วประเทศ ไม่ใช่เฉพาะบางจังหวัดเท่านั้น เราก็คงไม่หมดเนื้อหมดตัวเช่นนี้ อ้าวดูที่เขาพูดกันเอาก็แล้วกัน ในหนังสือพิมพ์มติชนฉบับบวันที่ 11-11-11 ก็แล้วกัน

ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 13.45 น. นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง ปชป. อภิปรายพร้อมฉายเพาเวอร์พอยต์ประกอบเป็นตารางสรุปอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ของกรม ชลประทาน โดยระบุว่า ชัดเจนว่ารัฐบาลบริหารความเสี่ยงผิดพลาด นอกจากนี้เฟซบุ๊กของนายธีระชัย ภูวนาทนรานุบาล รมว.คลัง ณ วันที่ 28 ตุลาคม 2554 โพสต์บอกว่า อุปสรรคในการจัดการน้ำปีนี้เกิดจากการพร่องน้ำในเขื่อนใหญ่น้อยเกินไป หากสามารถพร่องเหลือครึ่งเขื่อน จะทำให้ปัญหาเบาลง และเหตุที่มีการพร่องน้ำไว้น้อยเกินไป เพราะต้องการเก็บน้ำไว้ปลูกข้าวปีละ 3 ครั้ง หากปล่อยน้ำจะทำให้เกษตรกรเสียหายประมาณ 7 พันล้านบาท รัฐบาลจึงไม่ปล่อยน้ำลงลุ่มเจ้าพระยา นี่คือการยอมรับ




นายนิพิฏฐ์กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ พบว่าไม่มีการปล่อยน้ำให้เป็นไปตามธรรมชาติ โดยนายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรกร ให้สัมภาษณ์ไว้เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2554 พูดชัดว่า ได้สั่งให้กรมชลประทานประสานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ลดการระบายน้ำเขื่อนภูมิพลและหน่วงน้ำไม่ให้เกิน 2,090 ลบ.ม.ต่อวินาที เพื่อให้ชาวนาได้เก็บเกี่ยวข้าวในช่วงดังกล่าว นอกจากนี้ วันที่ 8 กันยายน 2554 นายธีระ เดินทางอำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยาพร้อมกับนายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษา รมว.เกษตร โดยหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นอยุธยาลงคำสัมภาษณ์ของนายบรรหารที่ระบุที่มาดู เพื่อให้เห็นว่าบางบาลได้รับการแก้ปัญหาแล้วปี 2555 จะไม่ท่วมแล้ว และได้สั่งให้กรมชลประทานจัดการน้ำที่อำเภอบางไทรให้ดี โดยให้คุมน้ำไม่ให้ไหลเกิน 3,000 ลบ,ม./วินาที และกรมชลประทานต้องกักน้ำในเขื่อนภูมิพลไว้ไม่ให้ปล่อยมามากเกินไป นี่คือการเบี่ยงเบนการไหลตามธรรมชาติของน้ำและกักน้ำไว้ น้ำจึงไหลออกทุ่งมาท่วม กทม.ในวันนี้ แต่ไม่ปล่อยไปทางจังหวัดสุพรรณบุรี


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส.ส.ชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ต่างรุมกันประท้วงนายนิพิฏฐ์ในทันที โดยนายสรชัจจ์ สุจิตต์ ส.ส.จสุพรรณบุรี ชทพ. และนายภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง ชทพ.ขอใช้สิทธิพาดพิง โดยช่วงแรกนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานประชุมอนุญาต แต่ถูกส.ส.ปชป.รุมประท้วงวุ่น โดย น.พ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก ปชป. ค้านว่า ส.ส.ไม่มีสิทธิ์ใช้สิทธิ์พาดพิง เพราะเป็นเรื่องของรมว.เกษตรซึ่งกำกับดูแลกรมชลประทาน ไม่เกี่ยวกับ ส.ส.หาก ส.ส.เข้าไปยุ่ง จะผิดต่อมาตรา 266 แทรกแซงกาทำหน้าที่ของกรมชลประทาน ทำให้นายสมศักดิ์กลับคำวินิจฉัยใหม่ ไม่อนุญาตให้ ส.ส.ชทพ.ชี้แจง


จากนั้น นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตร ชี้แจงว่า เรื่องการบริหารจัดการน้ำ ต้องดูตามสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ที่ฝ่ายค้านยกตัวเลขน้ำในแต่ละช่วงนั้น เรียนว่ากาบริหารจัดการในแต่ละเขื่อนจะมีหลักปฏิบัติ โดยต้องบริหารให้อยู่ระหว่างเกณฑ์สุดและสูงสุด เว้นแต่บางสถานการณ์ที่มีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหนอย่างไร ส่วนที่ไม่มีการระบายน้ำออกจากเขื่อนเพราะช่วงนั้นเริ่มมีการเพาะปลูก ถ้าจำได้เมื่อปี 2553 ในรัฐบาลที่แล้ว เขื่อนภูมิพลและสิริกิตต์เก็บน้ำได้เพียงร้อยละ 31 ทำให้มีน้ำใช้การได้ราว 500 ล้านลบ.ม.เท่านั้น ตอนนั้นตนจึงประกาศเลื่อนการทำนาปีออกไป ทั้งนี้หลังเดือนมิถุนายน 2554 เป็นต้นมามีพายุเข้าหลายลูก และร่องความกดอากาศต่ำพาดผ่านภาคเหนือตอนล่างและภาคกลางตลอด ทำให้ฝนตกมากกว่าค่าเฉลี่ยร้อยละ ทำให้ปริมาณน้ำทั้งเหนือและท้ายเขื่อนมีมาก


"แล้วในเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2554 ลุ่มน้ำยมก็ท่วม ลุ่มน้ำน่านก็ท่วม ในวันนั้นจะให้เขื่อนสิริกิตต์ระบายน้ำลงมาซ้ำเติมพี่น้องอีกหรือครับ ไม่ว่าผมอยู่ในรัฐบาลไหนผมก็ต้องให้ทำอย่างนี้ เพราะการพยากรณ์กรมอุตุนิยมวิทยาบอกเราล่วงหน้าได้แค่สัปดาห์เดียว ถ้าทุกคนคาดการณ์ได้หมด เหมือนขงเบ้งที่รู้ดินฟ้าอากาศ ก็ไม่ต้องมานั่งเถียงกันอย่างนี้"นายธีระกล่าว และว่า ส่วนที่บออว่าผมให้สัมภาษณ์สั่งให้ชะลอการปล่อยน้ำจากเขื่อนภูมิพลนั้นจริง เพราะตอนนั้นเราชะลอการโหลดน้ำลงเจ้าพระยา เพราะไม่ว่าที่ไหนหรือทุ่งไหนจะเกี่ยวข้าว เราก็ต้องทำแบบนี้ อยู่รัฐบาลที่แล้วผมก็ทำ เพราะประชาชนกำลังจะเกี่ยวข้าว

และตอนดึกๆ ใครได้ยินคุณชูวิทย์ที่เคยเข้าไปแฝงเป็นสมาชิกพรรคที่ทำทุกอย่างที่ขอให้เป็นรัฐบาลให้ได้ และก็พยายามที่จะดูแลเรื่องน้ำให้ได้ แม้แต่ว่าต่อไปเขาจะไปตั้งกระทรวงน้ำใหม่ ก็ขอจองไว้ล่วงหน้าอีกแล้วนั้น คุณชูวิทย์ ขออย่าเพิ่งตายไว เพราะสวรรค์หรือนรกน้ำเขายังท่วมอยู่ ขอให้อยู่ในโลกใบนี้อีกต่อไป จนกว่าธรณีจะสูบไป ฟังแล้วก็ฟังเอาไว้ก็แล้วกัน ถือว่าเป็นสีสันที่แฝงข้อน่าคิดไว้พอสมควร

[Pai_Anonworld]

คืนของวันที่ 11-11-11 นายธีระ วงศสมุทร เสนาบดีกระทรวงเกษตร ก็ได้ออกมารับหน้าแทนแล้วว่า เพราะเขาเป็นคนพลาดเอง ที่เผอิญเขาไม่ใช่ขงเบ้ง ที่สามารรถหยั่งรู้ธรรมชาติล่วงหน้าได้ โดยนายธีระ ได้ประกาศออกอากาศในการประชุมร่วมของสภาผู้แทนและวุฒิสภา ตามคำร้องขอของรัฐบาล ซึ่งเป็นการยอมรับโดยดุษฎี ดังปรากฎในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐดังนี้

ธีระ วงศ์สมุทร
ธีระ วงศ์สมุทร

* เพศ ชาย
* วันที่เกิด 15 ธันวาคม 2491
* อายุ 64

ธีระ วงศ์สมุทร

ในการประชุมสภาฯที่ผ่านมาฝ่ายค้านได้ใช้เวทีนี้ซักฟอกการทำงานรัฐบาล ในการแก้ปัญหาน้ำท่วมอย่างเมามัน ขนาดวันพิจารณางบปี 55 ยังไม่พ้นเรื่องน้้ำท่วมมีการหยิบยกเรื่องตัวเลขปริมาณน้ำทั้ง 3 เขื่อน คือ ภูมิพล ป่าสักชลสิทธิ์ และสิริกิติ์ ซึ่งไม่ได้มีปริมาณน้ำผิดปกติ และเหตุไฉนจึงมีการพร่องน้ำในเขื่อนน้อย จนน้ำไหลทะลักท่วมหลายจังหวัดโดยเฉพาะกรุงเทพฯกลายเป็นน้ำท่วมใหญ่ครั้ง ประวัติศาสตร์ งานนี้ผู้รับผิดชอบ"ธีระ วงศ์สมุทร" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งดูแลกรมชลประทานจากพรรคชาติไทยพัฒนา ได้แอ่นอกยอมรับกลางสภา ว่าได้สั่งชะลอน้ำเพื่อให้ชาวนาได้เกี่ยวข้าวก่อนปล่อยน้ำเข้าทุ่งจริง เสมือนเป็นการยอมรับต่อคนทั้งประเทศว่าเป็นต้นเหตุทำให้เกิดน้ำท่วมครั้ง ใหญ่หรือ รวมถึงการตั้งข้อสังเกตของหลายฝ่ายเมื่อก่อนหน้านี้ที่ไม่ยอมปล่อยน้ำลง พื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรีจนจังหวัดใกล้เคียงเดือดร้อนกันไปทั่ว จน"ป๋าเติ้ง"บรรหาร ศิลปอาชา ต้องออกมาคอนเฟิร์มว่าสุพรรณบุรีน้ำก็ท่วม...ไม่ใช่ไม่ท่วม
ประเด็นการพร่องน้ำในเขื่อนน้อยจึงมีการโยนกันไปมาระหว่างรัฐบาลชุดปัจจุบัน กับรัฐบาลอภิสิทธิ์ อีกทั้ง"ธีระ"ก็เป็นรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรฯทั้ง 2 รัฐบาลติดต่อกัน โดยสรุปงานนี้ต้องหาแพะมารับบาปให้ได้ว่าใครทำผิดพลาด จนล่าสุดในการประชุมสภาเมื่อวันที่ 11 พ.ย. "ธีระ"ได้ลุกขึ้นชี้แจงกลางที่ประชุม ให้ประเด็นดังกล่าวจบเสียที และเรื่องนี้ไม่มีใครผิด ทั้งกรมชลประทาน กฟผ. รัฐบาลที่ชุดแล้ว และรัฐบาลชุดนี้ และควรให้เครดิตเขื่อนภูมิพล เพราะน้ำในปี 2554 มีมากถึง 2 เท่าซึ่งถ้าไม่มีเขื่อนภูมิพลอะไรจะเกิดขึ้น เพราะฉะนั้นเรื่องบริหารจัดการน้ำอยากให้ยุติกันเสียทีว่าใครผิดถูก เพราะไม่มีใครผิดถูก พร้อมจบปัญหาคาใจกลางที่ประชุมว่า"แต่ถ้าผิดก็ผิดที่ผม เพราะผมคือพญานาค 1 ตรากระทรวงเกษตรฯ คือพระพิรุณทรงนาค จึงผิดที่ผมไม่สามารถเป็นเหมือนขงเบ้ง ที่จะคาดการณ์ได้ถูกหมด และรู้สถานการณ์ล่วงหน้า"เป็นอันว่าเขายอมรับผิดแต่เพียงผู้เดียวว่าเป็นต้น เหตุน้ำท่วมใหญ่ เพราะการบริหารจัดการน้ำในเขื่อนหรือเป็นเพราะ"น้ำการเมือง"กันแน่ !

ชื่อจริง-นามสกุล : ธีระ วงศ์สมุทร

เกิดเมื่อวันที่ : 15 ธันวาคม 2491

สถานที่เกิด : จ.นครศรีธรรมราช

สถานภาพ : สมรสกับนางวรัญญู วงศ์สมุทร ต่อมา ได้หย่ากัน

การศึกษา :
- ปริญญาโท ด้านบริหารธุรกิจ จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
- ปริญญาตรี วิศวกรรมศาสตร์ สาขาชลประทาน จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
- มัธยมศึกษาปีที่ 3 จากโรงเรียนปากพนัง
- มัธยาศึกษาปีที่ 5 จากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา
- หลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 42

ตำแหน่งปัจจุบัน :
-รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (สมัยนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร)

การทำงาน/หน้าที่ :
- รองอธิบดีกรมชลประทานฝ่ายก่อสร้าง
- ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
- รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นักบริหาร 10)
- กรรมการและเลขานุการอำนวยการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกร
- อธิบดีกรมชลประทาน ดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
- กรรมการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคใต้
-รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (สมัยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ)

เครื่องราชอิสริยาภรณ์ :
- 2552 - มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.)[4]
- 2551 - มหาวชิรมงกุฏ (ม.ว.ม.)

จริงๆแล้ว นายธีระก็คือ หุ่นเชิดของใครบางคนที่มีอำนาจสั่งการได้ โดยไม่จำเป็นต้องผ่านความเห็นชอบจากใคร รวมทั้งคณะรัฐมนตรีด้วย เอาเป็นว่า ที่เราเสียหายจนหมดตัวนี้ ก็ไม่รู้ว่า ใครจะมาช่วยเราได้ ก็คงต้องปล่อยไปตามกรรมกระนั้นเหรอ