Anon Biotec web board
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

สอบถามวิธีการทานยาแคปซูลเห็ด และข้อควรปฏิบัติของผู้ป่วยมะเร็ง

2 posters

Go down

สอบถามวิธีการทานยาแคปซูลเห็ด และข้อควรปฏิบัติของผู้ป่วยมะเร็ง Empty สอบถามวิธีการทานยาแคปซูลเห็ด และข้อควรปฏิบัติของผู้ป่วยมะเร็ง

ตั้งหัวข้อ  thakul_k Thu Jan 19, 2012 4:56 pm

เรียน อาจารย์อานนท์

วันนี้ได้ไปร้านของอาจารย์ที่ตลาดไทและได้ไปซื้อยาแคปซุลเห็ดจำนวน 100 เม็ด เพื่อให้คุณแม่ที่ป่วยทาน คุณแม่ตรวจพบมะเร็งที่บริเวณโพรงมดลูกเมื่อเดือน มิถุนายน54 หลังจากตรวจพบได้เปลี่ยนวิถีชีวิตเป็นรับประทานอาหารแนวชีวจิต (ไม่ทานเนื้อสัตว์ใดๆ, ทานน้ำมันน้อยมาก) ภาพรวมอาการของคุณแม่ดีขึ้นมาก จนมาถึงเดือนพฤศจิกายน54 ก็มีเหตุให้ต้องออกจากบ้านเนื่องจากน้ำท่วมบ้าน ระหว่างที่ไปอาศัยอยู่บ้านพี่สาวคุณแม่ก็สังเกตว่าท้องเริ่มค่อยๆบวมขึ้นทีละน้อย จนปัจจุบันท้องบวมขึ้นมาก และมีอาการเท้าบวมด้วย ต้องไปเจาะเอาน้ำที่ท้องออกถึง 2 ครั้ง (1,14 มค.54) ตอนนี้คุณแม่เริ่มมีอาการอ่อนเพลียมากขึ้น ผอมลง นอนไม่ค่อยหลับ แต่ยังสามารถรับประทานได้เอง เดินได้ ขับถ่ายได้(ใช้ยาช่วยถ่ายบ้าง) คุณหมอที่โรงพยาบาลแนะนำให้ทานไข่ขาวมากๆวันละ 7-8 ฟองเพื่อเพิ่มอัลบูมิน จึงอยากเรียนถามอาจารย์ว่า

1. ขอความคิดเห็นของอาจารย์ ในกรณีทานไข่ขาว
2. แคปซูลเห็ดควรทานอย่างไร (คุณแม่หนัก 38 กก) ทานแล้วท้องมีโอกาสจะยุบหรือไม่
3. โปรตีนจากพืช(ถั่ว) ทานถั่วได้ทุกชนิดใช่หรือไม่
4. ปลาช่อนทานได้หรือไม่
5. ทานน้ำมันได้หรือไม่

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณอาจารย์เป็นอย่างสูงที่ช่วยชี้แนะหนทางการรักษาและการปฏิบัติตัวที่เกี่ยวกับโรคมะเร็งที่คุณแม่เป็นอยู่ครับ

ด้วยความเคารพอย่างสูง
ฐากูร

thakul_k

จำนวนข้อความ : 2
Join date : 18/01/2012

ขึ้นไปข้างบน Go down

สอบถามวิธีการทานยาแคปซูลเห็ด และข้อควรปฏิบัติของผู้ป่วยมะเร็ง Empty การทานเห็ดช่วยชีวิตสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง

ตั้งหัวข้อ  Pai_Anonworld Thu Jan 19, 2012 11:42 pm

วันนี้พอรู้ว่าสมาชิกมีปัญหา ผมก็รีบโทรไปปรึกษา ดร.อานนท์ ทันทีเพื่อจะให้ทันต่อสถานการณ์อย่างทันท่วงที ในกรณีของคุณแม่คุณฐากูรนั้น เหมือนกับหลายๆคนที่ได้พบเจอ รวมทั้งพี่สะไภ้ของ ดร.อานนท์ หรือป้าของผม ที่หลังจากคุณหมอตรวจพบว่า เป็นมะเร็งแล้ว ก็พบว่า ร่างกายขาดไข่ขาว หรืออัลบูมิน จึงแนะนำให้ผู้ป่วยทานอาหารที่มีโปรตีนที่มีไข่ขาว หรือโปรตีนที่ย่อยง่ายเข้าไปให้เพียงพอ เช่น อาหารประเภทปลา ซึ่งผลที่เกิดขึ้นชนิดที่เห็นทันตาและอย่างรวดเร็วก็คือ ผู้ป่วยจะอยู่มีชีวิตอยู่อีกไม่นานก็จะเสียชีวิตไปอย่างน่าเวทนา และส่วนใหญ่ ก่อนที่จะจบชีวิตลง อาการท้องบวมก็มักจะเกิดขึ้นและต้องเจาะท้องกันแทบทุกราย ดังนั้น ใครก็ตามที่เป็นมะเร็ง เราต้องทำความเข้าใจแก่ตัวเราเองในฐานะผู้ที่คอยลุ้น ดูแลผู้ป่วย รวมทั้งผู้ป่วยเอง จะต้องรับรู้ว่า เซลมะเร็งมันเจริญอย่างไร เราจะทำอย่างไรจึงจะอยู่ร่วมกับมันได้ เพื่อให้มีชีวิตยืนนานต่อไปได้อีกอย่างไม่ต้องทนทุกข์ทรมาณมากนักนั้น ตามความจริงแล้ว เซลมะเร็ง เป็นเซลเนื้อร้ายที่แฝงอยู่ในเซลธรรมดาของมนุษย์อยู่แล้ว เพียงแต่ร่างกายของคนปกติ จะพยายามควบคุมไม่ให้เซลชนิดนี้เจริญออกมาได้ อย่างไรก็ตาม เซลมะเร็งมันก็จะพยายามทุกวิถีทางที่จะเจริญเบียดเสียดเซลธรรมดาออกมาได้ เพื่อจะได้เป็นเซลเด่น โดยทำลายหรือแทนที่เซลธรรมดา การที่เซลมะเร็งจะเจริญได้นั้น มันจะต้องส่งสัญญาน เพื่อหลอกให้เส้นเลือด สร้างเส้นเลือดฝอย เพื่อนำเอาอาหารไปหล่อเลี้ยงเซลมันให้ได้ หากร่างกายของเราแข็งแรง บรรดาภูมิต้านทานต่างๆ จะเป็นตัวลบหรือไม่ให้สัญญานที่ส่งจากเซลมะเร็งส่งไปยังเส้นเลือด เพื่อไม่ให้มีการสร้างเส้นเลืดฝอยส่งอาหารให้มันได้ ทีนี้ คนที่เป็นมะเร็งอยู่แล้วนั้น เซลมะเร็งที่เด่นออกมา มันเป็นเซลที่มีการเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว หากเส้นเลือดฝอยส่งอาหารไปให้มัน และมันชอบกินโปรตีน เพื่อนำไปใช้ในการแบ่งเซลได้สูงมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โปรตีนที่ย่อยง่าย เช่น อัลบูมิน ดังนั้น คนที่เป็นมะเร็ง เซลมะเร็งจะดูดเอาโปรตีนไข่ขาวไปเป็นส่วนใหญ่ การตรวจพิสูจน์ ก็มักจะพบว่า ผู้ป่วยจะขาดโปรตีนไข่ขาวแทบทุกราย และหมอก็จะแนะนำให้ทานโปรตีนดังกล่าวเข้าไป แต่เวลาทานโปรตีนี้เข้าไปแล้ว แทนที่จะทำให้ผู้ป่วยดีขึ้น กลับทำให้เซลมะเร็งเจริญเติบโตเร็วขึ้น คุณป้าผมนั้น หลังจากหันมาทานอาหารมังสะวิรัติและทานเห็นเป็นยา ทุกอย่างกลับเข้าสู่ภาวะปกติ เหมือนกับคุณแม่ของคุณฐากูรเลย แต่พอผ่านการฉีดคีโมครบแล้ว ช่วงที่ฉีดคีโม ก็ไม่ได้แพ้อะไรมาก เพราะทานมังสะวิรัติและเห็ดเป็นยาเข้าไป จนกระทั่งคุณหมอยืนยันนั่งยันว่า ป้าไม่เป็นอะไรแล้ว จะไปเที่ยงที่ไหนก็ไปได้แล้ว ไม่ต้องห่วงอีกแล้ว เท่านั้นเอง ตอนนี้ ป้าผมท่านก็เริ่มทานอาหารทุกอย่างที่ขวางหน้า และพวกเราก็พาท่านไปที่จังหวัดนครพนม เพื่อไปไหว้บรรพบุรุษ แต่ระหว่างที่เดินทางไปนั้น อาหารที่ำไหนอร่อย ก็จะแวะทาน โดยเฉพาะร้านอาหารริมโขง ที่มีปลาสดๆ ตัวใหญ่ย่างหอมน่าอร่อย พอสั่งมาทานตัวแรกก็ไม่พอ สั่งแล้วสั่งอีกจนหนำใจ ทุกคนอิ่มหมีพลีมันไปหมด แต่พอไปถึงที่พักนครพนม ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่พอรุ่งชาว ป้าของผมเกิดแน่นอนท้อง แต่ก็ทนได้ พอกลับมากรุงเทพ ท้องเริ่มบวมเล็กน้อย พอไปหาหมอ ท่านก็เรียกญาติทุกคนว่า คราวนี้ เซลมะเร็งได้แพร่กระจายทั่วร่างกายหมดแล้ว ไม่มีทางรักษาแล้ว แต่หากต้องการยื้ออายุ ก็สามารถยื้อได้ แต่ต้องฉีดยาโดสละแสนกว่าบาท พวกเราก็ยอมทั้งนั้น ขอเอาชีวิตป้าไว้ให้ได้ก็แล้วกัน พอฉีดยาไป(ต้องจ่ายเงินก่อนด้วย) อีกไม่กี่ชั่วโมงท่านก็จากพวกเราไป ที่พูดเช่นนี้ ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ที่จะขู่อะไร นี่เล่าให้ฟังถึงประสบกาณ์ของจริง และเกิดลักษณะเช่นนี้อีกเยอะมาก จึงขอให้คุณฐากูรนำเอาไปพิจารณาเอาเองด้วยว่า เราควรจะทำไงดี คุณหมอแกก็หวังดี เพราะแกเรียนมาอย่างนั้น แต่จากประสบการณ์ เราก็พบว่า ส่วนใหญ่ ผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็ง แล้วหมอบอกว่าให้ทานโปรตีนเยอะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากปลานั้ัน ผลที่ออกมากลายเป็นว่า มันไปเร่งทำให้อาการของมะเร็งเหิมเกริมมากยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้ จะเห็นว่า หลวงตา(เพื่อน ดร.อานนท์) ที่วัดคำประมง ที่ปัจจุบัน เปิดรับรักษาผู้ป่วยมะเร็งขั้นสุดท้ายที่หมอไม่รับแล้วมากกว่าพันรายที่วัด ส่วนใหญ่จะเน้นให้ผู้ป่วยทานมังสะวิรัติ ห้ามไม่ให้ผู้ป่วยทานโปรตีนจากเนื้อ ปลา ไข่ โดยเด่นขาด แต่ให้ทานโปรตีนจาก ถั่ว เห็ดแทน เพราะเป็นโปรตีนที่เซลมะเร็งไม่ชอบ ผมว่า คุณฐากูรน่าจะลองศึกษาวิธีการรักษาโรคมะเร็งของวัดคำประมงดูสิ น่าสนใจมาก ดูผ่านเวปไซด์ก็ได้ครับ เพราะวัดนี้ ดังมากอยู่แล้ว ส่วนการทานเห็ดนั้น เป็นเห็ดหลายชนิดที่ ดร.อานนท์ ได้ปรุงขึ้นมา เป็นเห็ดที่ไปปรับสภาพร่างกายให้สร้างภูมิคุ้มกัน ไปต่อต้านสัญญานของเซลมะเร็ง เพื่อไม่ให้มันส่งไปยังเส้นเลือด เพื่อสร้างเส้นเลือดฝอยมายังเซลมะเร็ง หรือที่เรียกว่า Anti-angiogenesis ส่วนการทานนั้น อาจจะทดลองทานครั้งละ 2 แคปซูลก่อนอาหารสักครึ่งชั่วโมงวันละ 3 เวลา จากนั้น หากเห็นว่า ท่านไม่มีอาการผิดปกติอะไรอย่างรุนแรง แน่นอน ระบบการขับถ่าย อาจจะผิดปกติ กล่าวคือ อุจจาระจะมีสีดำและมีกลิ่นเหม็นมาก หากเกิดอาการเช่นนี้ ควรเพิ่มปริมาณเห็ดเป็นยาขึ้นเป็นครั้งละ 4-6 แคปซูล คิดว่า ประมาณ 5-7 วัน อาการน่าจะดีขึ้น เมื่ออาการดีขึ้น การทานเห้ดเป็นยา ก็ไม่จำเป็นต้องมาก คือ ประมาณ 2-3 แคปซูลต่อมื้อก็พอครับ เอาเป็นว่า ในเมื่อคุณได้เห็ดเป็นยาไปแล้ว ทดลองให้คุณแม่ของคุณทานดูก่อน แล้วดูอาการของท่าน หากเป็นไปได้ ขอให้คุณรายงานมาในกระทู้นี้ เพราะเราจะได้ช่วยกัน เพื่อรักษาชีวิตของคุณแม่ของคุณให้อยู่ร่วมกับลูกหลานตราบนานเท่านาน โดยคุณไม่ต้องเกรงใจ ทางเรายินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่จะให้คำแนะนำแก่สมาชิกของเราทุกเมื่ออยู่แล้วครับ
Pai_Anonworld
Pai_Anonworld

จำนวนข้อความ : 1316
Join date : 29/11/2010
Age : 41

http://www.anonworld.com

ขึ้นไปข้างบน Go down

สอบถามวิธีการทานยาแคปซูลเห็ด และข้อควรปฏิบัติของผู้ป่วยมะเร็ง Empty Re: สอบถามวิธีการทานยาแคปซูลเห็ด และข้อควรปฏิบัติของผู้ป่วยมะเร็ง

ตั้งหัวข้อ  thakul_k Fri Jan 20, 2012 8:19 pm

เรียน อาจารย์อานนท์

ขอเรียนเพิ่มเติมเกี่ยวกับอาการของคุณแม่หลังจากรับประทานเห็ดเป็นยาครับ

19 มค. 54 ก่อนอาหารเย็นคุณแม่ทานเห็ดเป็นยา 1 แคปซูล ไม่มีอาการผืดปกติใดๆ

20 มค. 54 ก่อนอาหารเช้าทานเห็ดเป็นยา 1 แคปซูล ไม่มีอาการผิดปกตใดๆ

20 มค. 54 ก่อนอาหารเที่ยงทานเห็ดเป็นยา 2 แคปซูล ประมาณบ่าย 3 โมง คุณแม่เริ่มมีอาการปวดตามตัว ปวดตามข้อ ปวดกระดูก บ่นว่าข้างในร้อนและแสบลิ้น(อาการแสบลิ้นมักจะเป็นๆหายๆครับ) และอ่อนแรงลงไปมาก ตอนทุ่มกว่าๆก็ถ่ายอุจจาระออกมาเป็นสีดำและมีกลิ่นเหม็น(แต่อาการถ่ายอุจจาระสีดำและมีกลิ่นเหม็น เป็นมาได้ซักพักแล้วครับ) ลืมบอกไปครับคุณแม่อาย 65 ปี น้ำหนัก 38 กก. ครับ

รบกวนอาจารย์ช่วยวิเคราะห์อาการของคุณแม่ด้วยครับ

ขอบคุณครับ
ฐากูร

thakul_k

จำนวนข้อความ : 2
Join date : 18/01/2012

ขึ้นไปข้างบน Go down

สอบถามวิธีการทานยาแคปซูลเห็ด และข้อควรปฏิบัติของผู้ป่วยมะเร็ง Empty แสดงว่าคุณแม่ของคุณกำลังตอบสนองต่อเห็ดสูตรนี้แล้ว

ตั้งหัวข้อ  Pai_Anonworld Fri Jan 20, 2012 9:01 pm

ดั่งได้เตือนไปแต่แรกแล้วว่า ในสูตรที่ให้ไปนั้น จะเป็นสูตรที่ปรับสภาพร่างกาย ขับของเสียและสารพิษต่างๆออกจากระบบของร่างกาย ดีมากเลยที่คุณแม่ของคุณถ่ายได้ปกติ และการที่ถ่ายออกมาสีดำและมีกลิ่นเหม็นนั้น แสดงว่า ท่านมาถูกทางแล้ว เพียงแต่น้ำหนักท่านน้อยเหลือเกิน จะต้องระวังเรื่องนี้เป็นอย่างมาก เพราะเซลมะเร็งมันเอาโปรตีนในร่างกายคุณแม่คุณไปมากแล้ว เราจะต้องค่อยๆเอาโปรตีนจากเห้ดและจากถั่วให้ท่านค่อยๆทานเข้าไป หาท่านมีความรู้สึกปวดแสบปวดร้อน เพราะการไปล้างพิษภายในออกมากและเร็วเกินไป ควรลดจำนวนแคปซูลลง จนกระทั่งท่านปรับตัวให้ได้เสียก่อน จึงค่อยๆเพิ่มปริมาณขึ้น และให้ท่านทานนมถั่วเหลือง และเต้าหู้ เพื่อเพิ่มปริมาณโปรตีน เพื่อทำให้ท่านมีสุขภาพแข็งแรงขึ้น ผมว่า น่าจะเป็นสัญญานที่ดีครับ แต่อย่าฝืนท่านมาก หากท่านร้อนภายใน ให้ลดปริมาณลง หรือหยุดไปสักพักก่อนก็ได้ เพื่อให้ร่างกายของท่านค่อยๆปรับตัวเสียก่อนครับ
Pai_Anonworld
Pai_Anonworld

จำนวนข้อความ : 1316
Join date : 29/11/2010
Age : 41

http://www.anonworld.com

ขึ้นไปข้างบน Go down

ขึ้นไปข้างบน


 
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ