ความผูกพันประหนึ่งญาติสนิทระหว่าง ครอบครัวเอื้อตระกูลจากไทย และครอบครัว Hing family จากประเทศภูฎาน
หน้า 1 จาก 1
ความผูกพันประหนึ่งญาติสนิทระหว่าง ครอบครัวเอื้อตระกูลจากไทย และครอบครัว Hing family จากประเทศภูฎาน
ก้าวแรกของการไปเป็นผู้เชี่ยวชาญของ ดร.อานนท์ ที่ประเทศภูฎาน เมื่อปี พ.ศ. 2524 โดยเป็นคนไทยคนแรกที่ไปเป็นผู้เชี่ยวชาญอยู่ที่นั่นนานกว่า 3 ปี ขณะที่ระยะแรกๆนั้น ดร.อานนท์มีปัญหามากในการใช้ภาษาอังกฤษและการเป็นอยู่ต่างประเทศ แต่ก็นำเป็นโชคดีที่สุด ที่พอไปถึงได้เจอกับครอบครัวคนจีน ที่เป็นเพียงครอบครัวเดียวของประเทศภูฎาน ก็คือ ครอบครัวของคุณฮิง(Mr. Ma Hing) ที่เป็นพี่ชายคนโตของตระกูลนี้ โดยเริ่มแรกได้รับการบอกเล่าจากคุณฮิงว่า ท่านทำธุรกิจอยู่ที่เมืองกัลกัตตา ประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นเมืองหน้าด่านของประเทศภูฎานที่ใช้เป็นทางออกสู่ทะเลหรือนำของจากต่างประเทศเข้าไปยังภูฎานต้องผ่านเมืองนี้ เนื่องจากประเทศภูฎานไม่มีดินแดนที่ติดทะเลเลย พื้นที่ร้อยเปอร์เซ็นต์อยู่บนเขา ต้องอาศัยทางผ่านประเทศอินเดียจึงจะออกทะเลได้ ดังนั้น ในอดีต กษัตริย์ของประเทศภูฎาน เวลาจะเสด็จไปที่ไหนยังต่างประเทศ ก็ต้องผ่านเมืองกัลกัตตา ด้วยเหตุนี้ ครอบครัวของกษัตริย์ภูฎานในอดีต จึงมีความสนิทสนมกับครอบครัวฮิงเป็นกรณีพิเศษ จนกระทั่งทางกษัตริย์ซึ่งเป็นพระปิตุลาหรือลุงของกษตริย์องค์ปัจจุบัน จึงตอบแทนความมีน้ำใจของคุณฮิง โดยอนุญาตให้เป็นพลเมืองของประเทศภูฎานได้เพียงครอบครัวเดียวเท่านั้น ที่มีสิทธิ์ทุกอย่างเฉกเช่นคนภูฎาน เมื่อเกิดกรณีพิพาทระหว่างจีนกับอินเดีย คนจีนที่อยู่ในอินเดียถูกไล่หรือกดดันให้ออกจากประเทศอินเดีย ทำให้ครอบครัวคุณฮิงต้องหนีไปตั้งหลักที่ประเทศภูฎาน โดยมีบ้านอยู่ที่เมืองชายแดนระหว่างอินเดียกับภูฎานชื่อเมืองพุนชูลิ่ง(Phuntsholing) และที่เมืองหลวงคือ เมืองทิมภู(Thimphu) โดยทำธุรกิจเกี่ยวกับห้องเย็นและเฟอร์นิเจอร์ ถือว่าเป็นครอบครัวหนึ่งที่มีฐานะที่ดีและเป็นที่รู้จักของคนภูฎานเป็นอย่างดี ดร.อานนท์ ก็เลยได้รับอานิสสงส์ที่ไปอยู่ภูฎานครั้งแรกตลอดระยะเวลาที่ปฎิบัติงานอยู่ในประเทศนี้ ได้รับความอนุเคราะห์ทุกด้านจากครอบครัวฮิงเสมอเหมือนเป็นสมาชิกหนึ่งในครอบครัวของท่าน และสายสัมพันธุ์นับตั้งแต่วันแรกที่ ดร.อานนท์ไปอาศัยความอนุเคราะห์จากครอบครัวนี้ จวบจนถึงวันนี้ ก็ยังมีความเคารพนับถือเปรียบเสมือนญาติอันใกล้ชิดอย่างสม่ำเสมอตลอดมา ดังนั้น วันนี้ แม้เป็นวันอาทิตย์ 27 พฤษภาคม 2555 ซึ่งโดยปกติแล้ว จะเป็นวันที่เก็บไว้สำหรับที่จะต้องปฎิบัติธุระส่วนตัว เช่น ชักผ้า รีดผ้า ถูบ้าน ทำความสะอาด ทานอาหารหรือไปเที่ยวด้วยกันในวงศาคณาญาติ โดยจะงดรับแขกหนึ่งวันต่อสัปดาห์ แต่วันนี้ เป็นวันพิเศษสุด ที่ได้มีสมาชิกของครอบครัวฮิง ซึ่งเป็นลูกชายคนสุดท้อง แต่เป็นผู้กุมธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การวางแผน การเงินของครอบครัวมาตั้งแต่อายุยังน้อยแล้ว วันนี้ได้มาเยี่ยมครอบครัวเรา ซึ่งเราไม่ถือว่าเป็นแขก ถือว่า เป็นสมาชิกของเอื้อตระกูลคนหนึ่งเช่นกัน เพียงแต่อยู่คนละประเทศ โดยพาภรรยาที่เป็นคนไทยมาเยี่ยม มาทานอาหารร่วมกัน และวางแผนว่า ถึงเวลาแล้ว ในเมื่อ ดร.อานนท์เป็นคนไทยคนแรกที่ไปทำงานที่ประเทศภูฎาน และด้านเห็ดเสียด้วย ขณะที่ขณะนี้ ภูฎานเป็นประเทศที่เก็บเกี่ยวเห็ดถั่งเช่าแท้ ที่ไม่มีของปลอม รัฐบาลภูฎานเป็นผู้ควบคุมการเก็บเกี่ยวและการขาย ไม่เหมือนเห็ดถั่งเช่าที่มาจากจีน ซึ่งส่วนใหญ่มากกว่า 80% เป็นของปลอมหรือของสอดไส้ด้วยโลหะหนัก เราจึงวางแผนกันว่า จากนี้ไป ทางเราจะเข้าไปร่วมประมูลเห็ดถั่งเช่าแท้จากประเทศภูฎาน เพื่อนำมาจำหน่ายให้แก่ผู้บริโภคคนไทยหรือผู้ที่สนใจ การมาเยี่ยมครั้งนี้ จริงๆแล้วก็เพราะทั้งคุณฮิงและภรรยา ซึ่งอายุสู่วัยชรามากแล้ว ได้มาพักรักษาตัวอยู่ที่ โรงพยาบาลสมิธิเวช สุขุมวิท บรรดาลูกๆจึงทยอยสับเปลี่ยนมาเยี่ยมและดูแลพ่อและแม่ไปด้วย ทำให้วันนี้ ดร.อานนท์ จึงได้นำเอาภาพเก่าๆที่ย้อนไปถึงอดีตถึงความสัมพันธุ์ที่เรามีต่อกันระหว่างสองครอบครัว และเพื่อจะเป็นการประกาศให้โลกรับรู้ว่า จากนี้เป็นต้นไป เราจะดำเนินการร่วมกัน ในการนำเอาเห็ดถั่งเช่าแท้ และสมุนไพรที่ดี มีค่า หายากจากประเทศภูฎานเข้ามาเสริมการผลิตและการตลาดของอานนท์ไบโอเทค
อากงฮิง ถ่ายพร้อมคุณแม่ อ.เยาวนุช เอื้อตระกูล และลูกสะไภ้ลุงฮิงชื่อ ป้า Katy ที่อุ้มผมขณะที่อายุยังไม่ถึงปี ที่บ้านในเมืองทิมภู
อากงฮิงอุ้มผมและโกนผมไฟให้ผม เมื่ออายุได้ประมาณ 5 เดือน ที่เมืองทิมภู ประเทศภูฎาน
ผมและเพื่อนๆที่เป็นหลานๆของอากงฮิง
ป้าแมรี่(Aunty Mary)คนนี้แหละ ที่ดูแลผมตลอดเวลา ยิ่งกว่าแม่คนที่สองเสียอีก และก็คนนี้แหละ ที่เลี้ยงผมและหลานๆของอากงด้วยวิธีแบบการเลี้ยงเป็ดปังกิ่ง ด้วยการบีบปากแล้วเอาสารพัดอาหารยัดเข้าไปในปากโดยไม่ต้องเคี้ยว ทุกวันนี้ ที่ผมน้ำหนักเกินร้อยก็เพราะป้าแมรี่นี้เองที่เลี้ยงผมดีเกินไป
พอมาดูภาพเหล่านี้ ถึงมารู้ว่า วัยเด็กช่างน่ารักน่าหยิกมาก
วันที่ผมเดินได้คือวันเกิดครบรอบ 1 ปีพอดีในวันที่ 28 ตุลาคม 2526 พอเดินได้ ก็วิ่งเลยทันที
พอดูรูปในอดีตมาถึงตรงนี้ ทำให้เข้าใจได้เป็นอย่างดีว่า พอ่และแม่ได้พาผมไปทุกหนทุกแห่ง ทั้งยอดเขา ยอดถนนที่สูงที่สุดของประเทศ ผ่านเส้นทางอันลดเลี้ยวเคี้ยวคตนับร้อยนับพันโค้ง ดั้นด้นไปทุกป่า ทุกเขา ทุกแห่งหนตำบลใดที่มีเห็ดหรือที่เห็นว่าน่าสนใจ จึงพอสรุปได้ว่า กว่าจะมาเป็นเรานั้น ช่างเป็นต้นทุนทั้งเวลา ค่าใช้จ่าย ความเสียสละ อดทน ผ่านร้อน ผ่านหนาว กว่าจะหล่อหลอมให้เราได้เป็นคนมาถึงเพียงนี้
เฉกเช่นเดียวกัน คุณพ่อ ก็ได้รับความกรุณาเป็นห่วงเป็นใยและให้ความช่วยเหลือจากอากงฮิง แม้กระทั่งมีแขกผู้หลักผู้ใหญ่มาตรวจเยี่ยมโครงการ อากงฮิงก็มาช่วยสนับสนุนอยู่ตลอดเวลา แม้กระทั่งตอนคุณแม่คลอดน้องผึ้งที่โรงพยาบาลกลาง อากงกับอาม้าก็เดินทางมาจากประเทศภูฎานเพื่อมาเยี่ยม
เพื่อเป็นการตอบแทนพระคุณของอากงฮิงและอาม้า คุณพ่อได้พาอากงฮิงไปเที่ยวเชียงใหม่เมื่อปลายปี 2538
และด้วยสังขารเป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง และไม่มีใครที่จะฝืนสังขารได้ ย่อมมีการโรยราเป็นสิ่งธรรมดา ของวัยอย่างอากงที่ตรากตรำงานหนักมาตลอดชีวิต ในวัยของคนชราอายุเกิน 90 ปีแล้ว ท่านจึงได้มารักษาตัวทั้งอากงฮิงและอาม้าที่โรงพยาบาลสมิทธเวช ที่เป็นโรงพยาบาลที่ทางครอบครัวฮิงไว้วางใจที่สุด (มาถึงวันนี้ก็จ่ายไปเกินกว่า 5 ล้านบาทแล้ว)
นี่ก็คือ เหตุผลที่ Uncle Micky และภรรยาได้มาเยี่ยมพวกเราในวันนี้ ในฐานะญาติที่ใกล้ชิดและผูกพันกันมาอย่างแนบแน่นเสมอมาและตลอดกาล และเป็นการประกาศให้โลกรู้ว่า จากนี้ไป เราจะเดินหน้านำเอาทั้งเห็ดถั่งเช่าที่แท้จริง รวมทั้งสมุนไพรที่ดีๆจากประเทศภูฎานมาป้อนโรงงานของอานนท์ไบโอเทคในอนาคตอันใกล้นี้
อากงฮิง ถ่ายพร้อมคุณแม่ อ.เยาวนุช เอื้อตระกูล และลูกสะไภ้ลุงฮิงชื่อ ป้า Katy ที่อุ้มผมขณะที่อายุยังไม่ถึงปี ที่บ้านในเมืองทิมภู
อากงฮิงอุ้มผมและโกนผมไฟให้ผม เมื่ออายุได้ประมาณ 5 เดือน ที่เมืองทิมภู ประเทศภูฎาน
ผมและเพื่อนๆที่เป็นหลานๆของอากงฮิง
ป้าแมรี่(Aunty Mary)คนนี้แหละ ที่ดูแลผมตลอดเวลา ยิ่งกว่าแม่คนที่สองเสียอีก และก็คนนี้แหละ ที่เลี้ยงผมและหลานๆของอากงด้วยวิธีแบบการเลี้ยงเป็ดปังกิ่ง ด้วยการบีบปากแล้วเอาสารพัดอาหารยัดเข้าไปในปากโดยไม่ต้องเคี้ยว ทุกวันนี้ ที่ผมน้ำหนักเกินร้อยก็เพราะป้าแมรี่นี้เองที่เลี้ยงผมดีเกินไป
พอมาดูภาพเหล่านี้ ถึงมารู้ว่า วัยเด็กช่างน่ารักน่าหยิกมาก
วันที่ผมเดินได้คือวันเกิดครบรอบ 1 ปีพอดีในวันที่ 28 ตุลาคม 2526 พอเดินได้ ก็วิ่งเลยทันที
พอดูรูปในอดีตมาถึงตรงนี้ ทำให้เข้าใจได้เป็นอย่างดีว่า พอ่และแม่ได้พาผมไปทุกหนทุกแห่ง ทั้งยอดเขา ยอดถนนที่สูงที่สุดของประเทศ ผ่านเส้นทางอันลดเลี้ยวเคี้ยวคตนับร้อยนับพันโค้ง ดั้นด้นไปทุกป่า ทุกเขา ทุกแห่งหนตำบลใดที่มีเห็ดหรือที่เห็นว่าน่าสนใจ จึงพอสรุปได้ว่า กว่าจะมาเป็นเรานั้น ช่างเป็นต้นทุนทั้งเวลา ค่าใช้จ่าย ความเสียสละ อดทน ผ่านร้อน ผ่านหนาว กว่าจะหล่อหลอมให้เราได้เป็นคนมาถึงเพียงนี้
เฉกเช่นเดียวกัน คุณพ่อ ก็ได้รับความกรุณาเป็นห่วงเป็นใยและให้ความช่วยเหลือจากอากงฮิง แม้กระทั่งมีแขกผู้หลักผู้ใหญ่มาตรวจเยี่ยมโครงการ อากงฮิงก็มาช่วยสนับสนุนอยู่ตลอดเวลา แม้กระทั่งตอนคุณแม่คลอดน้องผึ้งที่โรงพยาบาลกลาง อากงกับอาม้าก็เดินทางมาจากประเทศภูฎานเพื่อมาเยี่ยม
เพื่อเป็นการตอบแทนพระคุณของอากงฮิงและอาม้า คุณพ่อได้พาอากงฮิงไปเที่ยวเชียงใหม่เมื่อปลายปี 2538
และด้วยสังขารเป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง และไม่มีใครที่จะฝืนสังขารได้ ย่อมมีการโรยราเป็นสิ่งธรรมดา ของวัยอย่างอากงที่ตรากตรำงานหนักมาตลอดชีวิต ในวัยของคนชราอายุเกิน 90 ปีแล้ว ท่านจึงได้มารักษาตัวทั้งอากงฮิงและอาม้าที่โรงพยาบาลสมิทธเวช ที่เป็นโรงพยาบาลที่ทางครอบครัวฮิงไว้วางใจที่สุด (มาถึงวันนี้ก็จ่ายไปเกินกว่า 5 ล้านบาทแล้ว)
นี่ก็คือ เหตุผลที่ Uncle Micky และภรรยาได้มาเยี่ยมพวกเราในวันนี้ ในฐานะญาติที่ใกล้ชิดและผูกพันกันมาอย่างแนบแน่นเสมอมาและตลอดกาล และเป็นการประกาศให้โลกรู้ว่า จากนี้ไป เราจะเดินหน้านำเอาทั้งเห็ดถั่งเช่าที่แท้จริง รวมทั้งสมุนไพรที่ดีๆจากประเทศภูฎานมาป้อนโรงงานของอานนท์ไบโอเทคในอนาคตอันใกล้นี้
Similar topics
» สวัสดีปีใหม่ อาจารย์ ดร.อานนท์ และครอบครัว,ทีมงานBiotec,ศิษย์อาจารย์,ผู้เข้าเยี่ยมชม ทุกท่าน
» Mushrooms for urban farms in the US
» Mushrooms for urban farms in the US
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|