การหมักเอ็นไซน์
2 posters
หน้า 1 จาก 1
การหมักเอ็นไซน์
สวัสดีครับอาจารย์ และคูณไผ่
ผมนาย มงคล เมืองสนธิ์ สมาชิกเลขที่ P92/2442 ครับ
ผมได้ศึกษาเกี่ยวกับเรื่องของเอ็นไซน์ตามที่ท่าน อาจารย์และ คุณไผ่ได้ให้ความรู้ลงใน เวปไซต์ มาโดยตลอด พอต้นเดือนที่แล้วผมได้ไปรับ301 ที่ฟาร์มมาและได้ซื้อUm 55 ติดมือมาด้วย แล้วได้ทำการหมักน้ำเอ็นไซน์จากเห็ดนางฟ้าโดยใช้ตามสัดส่วนที่คุณ อัมรินทร์ ได้บอกไว้ 1:3:5 คือ น้ำตาล-เห็ด-น้ำ และ Um55 3 แคปซูลแล้วทำการหมักประมาณ3วันแล้วนำมากรอกใส่ขวดแจกให้เพื่อนบ้านและตัวเองดื่มโดยให้ดื่มตามที่คุณไผ่ได้บอกไว้ว่าให้ดื่มครั้งละช้อนโต๊ะก่อนอาหารประมาณ 10นาที ผลปรากฎว่าผู้ที่ได้ดื่มจากที่เคยนอนไม่ค่อยหลับ หรือหลับแล้วชอบตื่นมาตอนกลางคืน หลังจากที่ดื่มแล้วรู้สึกว่าหลับสบาย และคนที่เป็นโรคริดสีดวงอ่อนๆ เวลาถ่ายแล้วมีเลือดออกมาด้วยหลังจากกินแล้วรู้สึกว่าระบบขับถ่ายดีขึ้นไม่ถ่ายเป็นเลือดแล้วผมก็ไม่ทราบว่าเป็นเพราะ เอ็นไซน์ที่ผมทำหรือว่าเขาวิตกจริตกันแน่ผมเลยหมักต่อเป็นล็อตที่2แล้วครับกะว่าจะให้เขาลองต่อไปเรื่อยจะได้รู้ว่าเป็นเพราะเอ็นไซน์ของเราหรือเปล่า(ถ้าดีปากต่อปากกะว่าจะทำขายเลยครับ)ผมมีเรื่องสงสัยที่อยากจะขอความรู้กับคุณไผ่ครับ คือ
1 การหมักเอ็นไซน์ตามที่ผมได้กล่าวมาข้างต้นถูกต้องไหมครับ
2 หมักประมาณกี่เดือนครับถึงจะได้ยาจากเห็ด(ผมลองชิมที่หมักไว้ประมาณ10วันรู้สึกว่ามันจะมีรสเปรี้ยวและออกร้อนมากเลยครับ)
3 ถ้าหมักไปจนเกิดSRC แล้วนำไปใช้ตามที่คุณไผ่แนะนำคุณอัมริทร์ เรื่องการทำเครืองสำอาง ผมอยากถามว่าส่วนน้ำหมักเราสามารถนำมาใช้ได้หรือเปล่าครับ หรือว่าสั่วนนั้นที่เขาเรียกว่ายาครับ
สุดท้ายผมขอขอบพระคุณอาจารย์และคุณไผ่ที่ได้ช่วยให้ความรู้แก่ตัวกระผมเองและผู้ที่สนใจเกี่ยวกับเรื่องเอ็นไซน์เพื่อบำรุงและรักษาสุขภาพครับ ผมสัญญาว่าผมจะถ่ายทอดความรู้ให้แก่ผู้ที่สนใจที่อยากจะรู้เรื่องของเอ็นไซน์ต่อไปเพื่อพวกเราจะได้มีสุขภาพดีกันถ้วนหน้าครับ.
ขอบคุณครับ
มงคล.
mongkol
จำนวนข้อความ: 11
Join date: 06/07/2010
ผมนาย มงคล เมืองสนธิ์ สมาชิกเลขที่ P92/2442 ครับ
ผมได้ศึกษาเกี่ยวกับเรื่องของเอ็นไซน์ตามที่ท่าน อาจารย์และ คุณไผ่ได้ให้ความรู้ลงใน เวปไซต์ มาโดยตลอด พอต้นเดือนที่แล้วผมได้ไปรับ301 ที่ฟาร์มมาและได้ซื้อUm 55 ติดมือมาด้วย แล้วได้ทำการหมักน้ำเอ็นไซน์จากเห็ดนางฟ้าโดยใช้ตามสัดส่วนที่คุณ อัมรินทร์ ได้บอกไว้ 1:3:5 คือ น้ำตาล-เห็ด-น้ำ และ Um55 3 แคปซูลแล้วทำการหมักประมาณ3วันแล้วนำมากรอกใส่ขวดแจกให้เพื่อนบ้านและตัวเองดื่มโดยให้ดื่มตามที่คุณไผ่ได้บอกไว้ว่าให้ดื่มครั้งละช้อนโต๊ะก่อนอาหารประมาณ 10นาที ผลปรากฎว่าผู้ที่ได้ดื่มจากที่เคยนอนไม่ค่อยหลับ หรือหลับแล้วชอบตื่นมาตอนกลางคืน หลังจากที่ดื่มแล้วรู้สึกว่าหลับสบาย และคนที่เป็นโรคริดสีดวงอ่อนๆ เวลาถ่ายแล้วมีเลือดออกมาด้วยหลังจากกินแล้วรู้สึกว่าระบบขับถ่ายดีขึ้นไม่ถ่ายเป็นเลือดแล้วผมก็ไม่ทราบว่าเป็นเพราะ เอ็นไซน์ที่ผมทำหรือว่าเขาวิตกจริตกันแน่ผมเลยหมักต่อเป็นล็อตที่2แล้วครับกะว่าจะให้เขาลองต่อไปเรื่อยจะได้รู้ว่าเป็นเพราะเอ็นไซน์ของเราหรือเปล่า(ถ้าดีปากต่อปากกะว่าจะทำขายเลยครับ)ผมมีเรื่องสงสัยที่อยากจะขอความรู้กับคุณไผ่ครับ คือ
1 การหมักเอ็นไซน์ตามที่ผมได้กล่าวมาข้างต้นถูกต้องไหมครับ
2 หมักประมาณกี่เดือนครับถึงจะได้ยาจากเห็ด(ผมลองชิมที่หมักไว้ประมาณ10วันรู้สึกว่ามันจะมีรสเปรี้ยวและออกร้อนมากเลยครับ)
3 ถ้าหมักไปจนเกิดSRC แล้วนำไปใช้ตามที่คุณไผ่แนะนำคุณอัมริทร์ เรื่องการทำเครืองสำอาง ผมอยากถามว่าส่วนน้ำหมักเราสามารถนำมาใช้ได้หรือเปล่าครับ หรือว่าสั่วนนั้นที่เขาเรียกว่ายาครับ
สุดท้ายผมขอขอบพระคุณอาจารย์และคุณไผ่ที่ได้ช่วยให้ความรู้แก่ตัวกระผมเองและผู้ที่สนใจเกี่ยวกับเรื่องเอ็นไซน์เพื่อบำรุงและรักษาสุขภาพครับ ผมสัญญาว่าผมจะถ่ายทอดความรู้ให้แก่ผู้ที่สนใจที่อยากจะรู้เรื่องของเอ็นไซน์ต่อไปเพื่อพวกเราจะได้มีสุขภาพดีกันถ้วนหน้าครับ.
ขอบคุณครับ
มงคล.
mongkol
จำนวนข้อความ: 11
Join date: 06/07/2010
mongkol- จำนวนข้อความ : 14
Join date : 06/07/2010
การหมักเอ็นไซม์จากเห็ด และหมักนานเท่าไหร่จึงจะได้สรรพคุณทางยา
ต้องขอโทษคุณมงคลอย่างแรงที่ตอบช้าไปหน่อย แต่คำถามของคุณอยู่ในหัวใจพวกเราตลอดเวลาว่าจะต้องตอบให้ได้ และแน่นอคำตอบที่เราจะตอบไปนั้น ก็มีมากมายหลายคนที่อยากจะรู้ ดร.อานนท์ จึงรอถ่ายทำวิธีการหมักทุกขั้นตอน เพื่อจะได้รูปเอามาประกอบคำบรรยายไปด้วย ส่วนคำถามที่คุณถามนั้น
1.คุณทำถูกต้องและเข้าใจเป็นอย่างดีแล้ว เพราะที่ให้คนอื่นทานนั้น เป็นเอ็นไซม์ที่สุดยอดที่สุด เป็นเอ็นไซม์ที่แอ๊คทีฟที่สุด ดีกว่าเอ็นไซม์ที่เสียเงินเป็นร้อยเป็นพัน ยิ่งถ้าเป็นเอ็นไซม์ที่ถูกอัดเม็ด หรือแปรรูปไปแล้ว เอ็นไซม์จะถูกทำลายไม่มากก็น้อย แต่ที่คุณทำมันดีกว่าหลายร้อยเท่า เพียงแต่มนุษย์เราต่างหาก ที่ไปหลงไหลสิ่งที่หลอกลวง ของดีๆ มันก็มีรสชาติดั่งที่คุณทำนั่นแหละ แต่บางคนทานไม่ได้เพราะกลิ่นมันเหมือนของเน่าของหมัก นี่จึงกลายเป็นช่องว่า ที่เขาต้องไปแต่งกลิ่น แต่งสี แต่งรส ไม่ว่าจะแต่งอะไร คุณภาพจะลดลงไปเรื่อยๆ สู้ที่คุณทำไม่ได้ ของคุณนั่นแหละดีที่สุด และหวังว่า หากคนอื่นได้มีบุญวาสนาได้ทาน อาการต่างๆอย่างที่คุณว่า รวมทั้ง บรรดาอาการย่อยยากต่างๆก็จะหืดหายไป เพียงแต่ว่า เอ็นไซม์ที่คุณทำมันจะไม่อยู่ตัวหรือไม่เสถียร ฉะนั้น เมื่อคุณหมักได้เวลาที่มีเอ็นไซม์สูงที่สุด ควรบรรจุขวดแก้วใส่ตู้เย็นไว้เลย เอ็นไซม์นี้ เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนที่ทานของสุก หรือทานอาหารและเครื่องดื่มที่มีสารกันบูดเข้าไป จะทำให้ร่างกายขาดเอ็นไซม์ ดังนั้น หากสามารถทานเอ็นไซม์ของคุณเข้าไปก่อนอาหารทุกครั้งๆละ 1 ช้อนชาแต่ก็ทานได้มากกว่านั้นก็ไม่เป็นไร หากทำได้เช่นนี้ ระบบต่างๆของร่างกาย รวมทั้งโรคต่างๆก็จะเริ่มหายและกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้(ตอบให้คุ้มกับคำถามสั้่นๆ แต่คุณต้องรอนานหน่อย)
2. การที่จะหมักให้ได้สรรพคุณทางยานั้น จะนานมากน้อยเพียงใด อยู่ที่เทคนิคการหมักและการใส่เชื้อยูเอ็ม 55 เข้าไป หมายความว่า เชื้อยูเอ็ม55นั้น เป็นเชื้อที่ต้องการอากาศ ดังนั้น การหมักระยะแรกๆจะต้องพ่นอากาศเข้าไป ด้วยการใช้ปั้มที่ใช้สำหรับเลี้ยงปลาตู้ราคาไม่กี่บาทนั่นแหละ เพียงแต่หัวพ่นอากาศ ไม่ควรใช้หัวทราย ให้ใช้หัวพลาสติกแทน ในกรณีเช่นนี้ ทำการพ่นอากาศตลอดเวลาสัก 2-3 สัปดาห์ก็จะได้ยาถูกย่อยออกมาแล้ว แต่หากไม่มีการใช้อากาศพ่นให้มัน ก็จะต้องทำการคนหรือเขย่าบ่อยๆ ก็อาจจะใช้เวลาใกล้เคียงกัน อย่าลืมว่า ยิ่งหมักยิ่งนาน เอ็นไซม์ที่มีประโยชน์จะลดลง ดังนั้น หากคุณต้องการแค่เอ็นไซม์ก็หมักสัก 2-3 วัน แต่หากต้องการยา ก็หมัก 2-3 สัปดาห์ อย่าไปหมักนานเป็นปีดั่งที่มีความเชื่อกันผิดๆ แล้วอย่าลืม การหมักนั้น มันจะเกิดกรดขึ้นมา ฉะนั้น หากจะหมักให้คนทานแล้วล่ะก็ ภาชนะที่ใช้หมัก ควรเป็นแก้ว เช่นขวดโหล โหล ขวดแก้วขนาดใหญ่ เท่านั้น หากหมักด้วยพลาสติก สารพิษ สารก่อมะเร็งจะถูกกรดละลายออกมาด้วย แทนที่จะได้ยา แต่ก็จะได้ยาพิษแทนครับ
3. ครีมมหาอมตะ หรือ SRC นั้น สามารถใช้เป็นได้ทั้งยาที่สุดยอด เพราะมันมีสรรพคุณทั้งอาหาร ยาบำรุงกำลัง และใช้รักษา บำรุงผิวพรรณได้ชั้นยอดสุดๆ แต่การทำให้เกิดครีมดังกล่าวนั้น หลังจากเป่าอากาศให้ระยะหนึ่งแล้ว ให้หยุดเป่า จะเกิดครีมพวกนี้ขึ้นมาได้ แต่เนื่องจากมันไม่เสถียร หากเก็บไว้ที่อุณหภูมิธรรมดา มันจะกินตัวมันเอง ดังนั้น หลังจากเก็บมาแล้ว ให้รีบนำเข้าใส่ตู้เย็นชั้นแช่แข็งทันที จะเอามากิน เอามาใช้ ก็ค่อยเอาออกมาละลายในปริมาณที่ต้องการเอา
ดีใจและขอบคุณมากครับ ที่มีคนอย่างคุณที่เป็นผู้ใฝ่รู้ และเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่มวลมนุษย์ด้วยกัน และหากมีความคืบหน้าประการใด ช่วยแจ้งให้สมาชิกทราบ ก็จะทำให้ความรู้ดีๆก้าวไกลไปยิ่งขึ้น ดั่งที่คุณได้ความรู้จากข่าวต่างๆในเวปและจากคุณอมรินทร์ที่เคยเผยแพร่เรื่องการหมักและครีม
อ.สง่า เอื้อตระกูล ผู้อาวุโสสูงสุดในครอบครัวเอื้อตระกูล ที่ดูแลสถาบันไบโอเทคและเห็ดของมหาวิทยาลัยนอร์ท-เชียงใหม่ ร่วมกับสถาบันอานนท์ไบโอเทค กำลังเตรียมเห็ดหัวลิงและเห็ดถั่งเช่าสีทอง เห็ดกระดุมบราซิลเพื่อการหมักเอ็นไซม์
สมาชิกครอบครัวเอื้อตระกูล ประกอบไปด้วย อ.เยาวนุช ดร.อานนท์ อ.ธวัช อ.แสงจันทร์ และ อ.สง่า ในงานเปิดตัวเรื่องเห็ดเป็นยาครั้งแรกที่งานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติครั้งที่ 9 ที่เมืองทองธานีระหว่าง 5-9 กันยายน โดยเอากรรมวิธีการหมักเอ็นไซม์และเห็ดเป็นยาอย่างละเอียดเปิดตัวอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก
อ.เยาวนุช เอื้อตระกูล ผู้ดูแลและรับผิดชอบในการผลิตเอ็นไซม์และเห็ดเป็นยาของสถาบันอานนท์ไบโอเทค กำลังเตรียมเห็ดถั่งเช่าสีทองที่เพาะเองกว่าร้อย กก. เพื่อทำการหมักเอ็นไซม์และสกัดคุณสมบัติทางยาโดยการหมักโดยเชื้อจุลินทรีย์ ยูเอ็ม55 ในขวดแก้วขนาด 13 ลิตรแบบปากแคบ
ดร.อานนท์กำลังเตรียมน้ำปรุงที่ประกอบไปด้วยน้ำตาลทรายแดงและสารอาหารที่จำเป็นในการหมัก แล้วเทใส่ในขวดแก้วที่ใช้ในการหมัก
ทำการคนให้ส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากันอย่างดี พร้อมทั้งเติมเชื้อยูเอ็ม55 เข้าไปประมาณ 1 ช้อนโต๊ะหรือประมาณ 10 แคปซูลลงไปก่อนปิดจุกด้วยสำลีหรือผ้าขาวบาง
ห้องสำหรับหมักเอ็นไซม์และเห็ดเป็นยาของอานนท์ไปโอเทค ที่ประกาศเปิดตัวในงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติครั้งที่ 9 ที่ผ่านมา โดยไม่เคยเปิดโชว์มาก่อนในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมา บัดนี้ได้ฤกษ์ทำการเปิดเผยแล้ว เพราะหมดสัญญาในการผลิตให้แก่บริษัทต่างประเทศเป็นเวลาครบสิบปีแล้ว
การหมักเพื่อให้เกิดครีมมหาอมตะหรือ SRC โดยจะต้องหยุดการพ่นอากาศ ให้การหมักหยุดนิ่ง แล้วจะมีครีมมหาอมตะเกิดขึ้น
หลังจากเปิดตัวเป็นทางการที่งานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติครั้งที่ 9 แล้ว บัดนี้ เราได้ผลิตเอ็นไซม์จากเห้ดเป็นเอ็นไซม์สด และเห็ดเป็นยาที่ผ่านการหมักด้วยหลักวิชาการที่ถูกต้อง แล้วนำมาผสมกับสมุนไพรที่จำเป็นสำหรับป้องกันและรักษาโรคต่างๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคความดัน โรคมะเร็งต่างๆ โรคเอดส์ โรคไขข้ออักเสบ โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง โรคแพ้อากาศ เป็นต้น โดยสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทำการที่ตลาดไท โทร.02-9083308 และ 0860830202 หรือที่หน้ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ถนนพหลโยธิน ตรงข้ามประตูใหญ่ โทร.02-5799200, 02-5797759,หรือ 0858270085
1.คุณทำถูกต้องและเข้าใจเป็นอย่างดีแล้ว เพราะที่ให้คนอื่นทานนั้น เป็นเอ็นไซม์ที่สุดยอดที่สุด เป็นเอ็นไซม์ที่แอ๊คทีฟที่สุด ดีกว่าเอ็นไซม์ที่เสียเงินเป็นร้อยเป็นพัน ยิ่งถ้าเป็นเอ็นไซม์ที่ถูกอัดเม็ด หรือแปรรูปไปแล้ว เอ็นไซม์จะถูกทำลายไม่มากก็น้อย แต่ที่คุณทำมันดีกว่าหลายร้อยเท่า เพียงแต่มนุษย์เราต่างหาก ที่ไปหลงไหลสิ่งที่หลอกลวง ของดีๆ มันก็มีรสชาติดั่งที่คุณทำนั่นแหละ แต่บางคนทานไม่ได้เพราะกลิ่นมันเหมือนของเน่าของหมัก นี่จึงกลายเป็นช่องว่า ที่เขาต้องไปแต่งกลิ่น แต่งสี แต่งรส ไม่ว่าจะแต่งอะไร คุณภาพจะลดลงไปเรื่อยๆ สู้ที่คุณทำไม่ได้ ของคุณนั่นแหละดีที่สุด และหวังว่า หากคนอื่นได้มีบุญวาสนาได้ทาน อาการต่างๆอย่างที่คุณว่า รวมทั้ง บรรดาอาการย่อยยากต่างๆก็จะหืดหายไป เพียงแต่ว่า เอ็นไซม์ที่คุณทำมันจะไม่อยู่ตัวหรือไม่เสถียร ฉะนั้น เมื่อคุณหมักได้เวลาที่มีเอ็นไซม์สูงที่สุด ควรบรรจุขวดแก้วใส่ตู้เย็นไว้เลย เอ็นไซม์นี้ เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนที่ทานของสุก หรือทานอาหารและเครื่องดื่มที่มีสารกันบูดเข้าไป จะทำให้ร่างกายขาดเอ็นไซม์ ดังนั้น หากสามารถทานเอ็นไซม์ของคุณเข้าไปก่อนอาหารทุกครั้งๆละ 1 ช้อนชาแต่ก็ทานได้มากกว่านั้นก็ไม่เป็นไร หากทำได้เช่นนี้ ระบบต่างๆของร่างกาย รวมทั้งโรคต่างๆก็จะเริ่มหายและกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้(ตอบให้คุ้มกับคำถามสั้่นๆ แต่คุณต้องรอนานหน่อย)
2. การที่จะหมักให้ได้สรรพคุณทางยานั้น จะนานมากน้อยเพียงใด อยู่ที่เทคนิคการหมักและการใส่เชื้อยูเอ็ม 55 เข้าไป หมายความว่า เชื้อยูเอ็ม55นั้น เป็นเชื้อที่ต้องการอากาศ ดังนั้น การหมักระยะแรกๆจะต้องพ่นอากาศเข้าไป ด้วยการใช้ปั้มที่ใช้สำหรับเลี้ยงปลาตู้ราคาไม่กี่บาทนั่นแหละ เพียงแต่หัวพ่นอากาศ ไม่ควรใช้หัวทราย ให้ใช้หัวพลาสติกแทน ในกรณีเช่นนี้ ทำการพ่นอากาศตลอดเวลาสัก 2-3 สัปดาห์ก็จะได้ยาถูกย่อยออกมาแล้ว แต่หากไม่มีการใช้อากาศพ่นให้มัน ก็จะต้องทำการคนหรือเขย่าบ่อยๆ ก็อาจจะใช้เวลาใกล้เคียงกัน อย่าลืมว่า ยิ่งหมักยิ่งนาน เอ็นไซม์ที่มีประโยชน์จะลดลง ดังนั้น หากคุณต้องการแค่เอ็นไซม์ก็หมักสัก 2-3 วัน แต่หากต้องการยา ก็หมัก 2-3 สัปดาห์ อย่าไปหมักนานเป็นปีดั่งที่มีความเชื่อกันผิดๆ แล้วอย่าลืม การหมักนั้น มันจะเกิดกรดขึ้นมา ฉะนั้น หากจะหมักให้คนทานแล้วล่ะก็ ภาชนะที่ใช้หมัก ควรเป็นแก้ว เช่นขวดโหล โหล ขวดแก้วขนาดใหญ่ เท่านั้น หากหมักด้วยพลาสติก สารพิษ สารก่อมะเร็งจะถูกกรดละลายออกมาด้วย แทนที่จะได้ยา แต่ก็จะได้ยาพิษแทนครับ
3. ครีมมหาอมตะ หรือ SRC นั้น สามารถใช้เป็นได้ทั้งยาที่สุดยอด เพราะมันมีสรรพคุณทั้งอาหาร ยาบำรุงกำลัง และใช้รักษา บำรุงผิวพรรณได้ชั้นยอดสุดๆ แต่การทำให้เกิดครีมดังกล่าวนั้น หลังจากเป่าอากาศให้ระยะหนึ่งแล้ว ให้หยุดเป่า จะเกิดครีมพวกนี้ขึ้นมาได้ แต่เนื่องจากมันไม่เสถียร หากเก็บไว้ที่อุณหภูมิธรรมดา มันจะกินตัวมันเอง ดังนั้น หลังจากเก็บมาแล้ว ให้รีบนำเข้าใส่ตู้เย็นชั้นแช่แข็งทันที จะเอามากิน เอามาใช้ ก็ค่อยเอาออกมาละลายในปริมาณที่ต้องการเอา
ดีใจและขอบคุณมากครับ ที่มีคนอย่างคุณที่เป็นผู้ใฝ่รู้ และเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่มวลมนุษย์ด้วยกัน และหากมีความคืบหน้าประการใด ช่วยแจ้งให้สมาชิกทราบ ก็จะทำให้ความรู้ดีๆก้าวไกลไปยิ่งขึ้น ดั่งที่คุณได้ความรู้จากข่าวต่างๆในเวปและจากคุณอมรินทร์ที่เคยเผยแพร่เรื่องการหมักและครีม
อ.สง่า เอื้อตระกูล ผู้อาวุโสสูงสุดในครอบครัวเอื้อตระกูล ที่ดูแลสถาบันไบโอเทคและเห็ดของมหาวิทยาลัยนอร์ท-เชียงใหม่ ร่วมกับสถาบันอานนท์ไบโอเทค กำลังเตรียมเห็ดหัวลิงและเห็ดถั่งเช่าสีทอง เห็ดกระดุมบราซิลเพื่อการหมักเอ็นไซม์
สมาชิกครอบครัวเอื้อตระกูล ประกอบไปด้วย อ.เยาวนุช ดร.อานนท์ อ.ธวัช อ.แสงจันทร์ และ อ.สง่า ในงานเปิดตัวเรื่องเห็ดเป็นยาครั้งแรกที่งานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติครั้งที่ 9 ที่เมืองทองธานีระหว่าง 5-9 กันยายน โดยเอากรรมวิธีการหมักเอ็นไซม์และเห็ดเป็นยาอย่างละเอียดเปิดตัวอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก
อ.เยาวนุช เอื้อตระกูล ผู้ดูแลและรับผิดชอบในการผลิตเอ็นไซม์และเห็ดเป็นยาของสถาบันอานนท์ไบโอเทค กำลังเตรียมเห็ดถั่งเช่าสีทองที่เพาะเองกว่าร้อย กก. เพื่อทำการหมักเอ็นไซม์และสกัดคุณสมบัติทางยาโดยการหมักโดยเชื้อจุลินทรีย์ ยูเอ็ม55 ในขวดแก้วขนาด 13 ลิตรแบบปากแคบ
ดร.อานนท์กำลังเตรียมน้ำปรุงที่ประกอบไปด้วยน้ำตาลทรายแดงและสารอาหารที่จำเป็นในการหมัก แล้วเทใส่ในขวดแก้วที่ใช้ในการหมัก
ทำการคนให้ส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากันอย่างดี พร้อมทั้งเติมเชื้อยูเอ็ม55 เข้าไปประมาณ 1 ช้อนโต๊ะหรือประมาณ 10 แคปซูลลงไปก่อนปิดจุกด้วยสำลีหรือผ้าขาวบาง
ห้องสำหรับหมักเอ็นไซม์และเห็ดเป็นยาของอานนท์ไปโอเทค ที่ประกาศเปิดตัวในงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติครั้งที่ 9 ที่ผ่านมา โดยไม่เคยเปิดโชว์มาก่อนในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมา บัดนี้ได้ฤกษ์ทำการเปิดเผยแล้ว เพราะหมดสัญญาในการผลิตให้แก่บริษัทต่างประเทศเป็นเวลาครบสิบปีแล้ว
การหมักเพื่อให้เกิดครีมมหาอมตะหรือ SRC โดยจะต้องหยุดการพ่นอากาศ ให้การหมักหยุดนิ่ง แล้วจะมีครีมมหาอมตะเกิดขึ้น
หลังจากเปิดตัวเป็นทางการที่งานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติครั้งที่ 9 แล้ว บัดนี้ เราได้ผลิตเอ็นไซม์จากเห้ดเป็นเอ็นไซม์สด และเห็ดเป็นยาที่ผ่านการหมักด้วยหลักวิชาการที่ถูกต้อง แล้วนำมาผสมกับสมุนไพรที่จำเป็นสำหรับป้องกันและรักษาโรคต่างๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคความดัน โรคมะเร็งต่างๆ โรคเอดส์ โรคไขข้ออักเสบ โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง โรคแพ้อากาศ เป็นต้น โดยสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทำการที่ตลาดไท โทร.02-9083308 และ 0860830202 หรือที่หน้ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ถนนพหลโยธิน ตรงข้ามประตูใหญ่ โทร.02-5799200, 02-5797759,หรือ 0858270085
Re: การหมักเอ็นไซน์
ขอบคุณมากครับสำหรับความรู้ ที่คุณไผ่และอาจารย์ได้นำมาเผยแพร่เป็นวิทยาทานให้กับคนที่อยากศึกษาและอยากมีสุขภาพดีครับถ้ามีอะไรคืบหน้าผมจะนำมาเล่าสู่กันฟังใหม่ครับเพราะตอนนี้กำลังยุ่งอยู่กับการเก็บเห็ดครับทั้งเห็ดขอนขาวและเห็ดนางฟ้า(เป็นผลิตภัณฑ์ของศูนย์ไบโอเทคล้วนๆครับ)
ปล. รูปที่ทางคุณไผ่ได้โพสไว้ผมไม่สามารถเปิดดูได้ครับช่วยแนะนำหน่อยครับว่าต้องทำอย่างไร
ขอบคุณมากครับ
มงคล เมืองสนธิ์
ปล. รูปที่ทางคุณไผ่ได้โพสไว้ผมไม่สามารถเปิดดูได้ครับช่วยแนะนำหน่อยครับว่าต้องทำอย่างไร
ขอบคุณมากครับ
มงคล เมืองสนธิ์
mongkol- จำนวนข้อความ : 14
Join date : 06/07/2010
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|