Anon Biotec web board
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

ดร.อานนท์ เอื้อตระกูล ไปเป็นผู้เชี่ยวชาญเห็ดให้แก่ องค์การระหว่างประเทศ เพราะพูดภาษาอังกฤษไม่เป็น

3 posters

Go down

ดร.อานนท์  เอื้อตระกูล ไปเป็นผู้เชี่ยวชาญเห็ดให้แก่ องค์การระหว่างประเทศ เพราะพูดภาษาอังกฤษไม่เป็น Empty ดร.อานนท์ เอื้อตระกูล ไปเป็นผู้เชี่ยวชาญเห็ดให้แก่ องค์การระหว่างประเทศ เพราะพูดภาษาอังกฤษไม่เป็น

ตั้งหัวข้อ  Pai_Anonworld Sun Nov 20, 2011 9:24 am

วันนี้ อ่านหนังสือพิมพ์กันแต่เช้า เพื่อเตรียมตัวไปเอารถที่ฝากไว้ที่โรงหนังเมเจอร์ รัชดา ในหนังสือพิมพ์มติชน พูดถึงเรื่อง นายกยิ่งลักษณ์พูดภาษาอังกฤษ แล้วมีนักวิชาการบางคน ที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงใหญ่ คือ นายสมเกียรติ อ่อนวิมล ออกมาวิจารณ์ว่า เป็นความน่าอับอายของประเทศ ที่เรามีนายกที่พูดภาษาอังกฤษไม่รู้เรื่อง โดยให้เหตุผลว่า สำเนียงไม่เหมือนเจ้าของภาษา หลังจากนายสมเกียรติที่หายหน้าหายตาไปจากสังคมมานาน พอจับจุดอ่อนเรื่องนี้ของนายกมาพูด ก็เลยดังเป็นพลุแตก เช่นเดียวกับพรรคฝ่ายค้าน และขาประจำพวกนายตุลย์ทั้งหลาย วันนี้เลยได้เอาบทความที่ นักศึกษาปริญญาเอก ที่กำลังศึกษาอยู่ที่ประเทศแคนาดามาให้อ่าน เขามีความเห็นว่า ที่นายกพูดภาษาอังกฤษสำเนียงไทยนั้น เขาบอกว่า คนต่างประเทศ เขาเข้าใจกันทั้งนั้นว่า นายกของเราพูดอะไร และเขายังชื่นชมเสียอีกด้วยซ้ำ ปัญหามันอยู่ที่คนไทยด้วยกัน โดยเอาไปเปรียบเทียบกับนายกคนก่อนที่ไปวิ่งราวเขามา และความอับอายน่าจะเป็นคนไทยบางคนที่พยายามดัดจริตพูดภาษาอังกฤษให้เหมือนภาษาประเทศแม่ของเขา แล้วไปดูถูกคนอื่นต่างหาก แล้วอีตาสมเกียรติ ก็เรียนจากวิทยาลัยครู ไปเรียนต่อที่อินเดีย ก็ไม่ได้ไปเรียนที่อังกฤษ แล้วไง อินเดีย เขาก็พูดออกแขก เขาก็เป็นมหาอำนาจได้ แล้วประธานาธิบดีจีน ก็พูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย ก็เท่าๆกับอีตาชวน แต่เขาก็เป็นประธานาธิบดีที่ยิ่งใหญ่ของจีนได้ ไม่เห็นว่า การพูดภาษาอังกฤษไม่ดี สำเนียงไม่เหมือนประเทศแม่เขานั้น มันจะเป็นการขาดคุณสมบัติความเป็นนายกของไทยเชียวหรือ ข้างล่างนี้ เป็นบทความที่นำเอามาจาก

หนังสือพิมพ์มติชน ออนไลน์ ฉบับวันที่ 20 พ.ย.2554

โดย ณัฏฐ์ หงษ์ดิลกกุล นักศึกษาปริญญาเอก คณะเศรษฐศาสตร์, Simon Fraser University

เหมือนเช้าทุกๆ วัน เมื่อผมตื่นขึ้นมาเมื่อวานสิ่งแรกๆ ที่ผมจะทำก็คือเปิดเฟซบุคเพื่อดูความเคลื่อนไหวและข่าวสารต่างๆ ตลอดวันในเมืองไทย และประเด็นร้อน ที่เพื่อนบนเฟซบุคของผมพร้อมใจกันแชร์ ก็คือคลิปการแถลงข่าวร่วมระหว่างนายกฯ และ Hillary Clinton จาก youtube พร้อมกับคำโปรยต่างๆ นานา จับความได้ว่า "นายกฯ พูดภาษาอังกฤษไม่ได้เรื่อง น่าอับอายแทนประเทศไทย ฯลฯ"
เมื่อฟังคำวิจารณ์เหล่านี้ผมก็เกิด "คัน" ขึ้นมา นึกสนุกอยากทดสอบว่าถ้าให้คนต่างชาติฟังเขาจะฟังรู้เรื่องกันกันรึเปล่า จึงทดสอบโดยการแชร์คลิปการแถลงข่าวร่วมนั้น และตั้งคำโปรยเพื่อเชิญเพื่อนซึ่งไม่ใช่คนไทยให้มาดูคลิป แล้วตอบว่าเข้าใจที่นายกฯ แถลงรึไม่
ผมทิ้งแชร์เอาไว้หนึ่งวัน มีเพื่อนมาตอบทั้งหมด 6 คน เกือบทั้งหมดใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแรก และมิได้มีเพื่อนเป็นคนไทยนอกจากผมเท่านั้น (นั้นหมายความว่าไม่ได้คุ้นเคยกับสำเนียงแบบไทยๆ) ทุกคนตอบเป็นทิศทางเดียวกันว่า "เข้าใจแถลงการณ์ที่นายกฯ พูดได้เป็นอย่างดี มีปัญหาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น" เช่น บางคนตอบว่าเข้าใจ 95% บางคนตอบว่าไม่เข้าใจเฉพาะช่วงต้นๆ ของสุนทรพจน์ แต่โดยรวมเข้าใจได้ดี
จากผลการทดสอบนี้ รวมกับข้อสังเกตของผมเอง ผมขอสรุปดังนี้ครับ
1) เป็นความจริงที่ว่าอดีตนายกฯ อภิสิทธิ์พูดภาษาอังกฤษได้ดีกว่านายกฯ ยิ่งลักษณ์ ซึ่งก็ควรเป็นเช่นนั้นเพราะอดีตนายกฯ ใช้ชีวิตในต่างประเทศเป็นระยะเวลานานกว่า (แต่แน่นอนว่าแม้แต่อดีตนายกฯ ก็ยังมีสำเนียงไทย เมื่อพูดภาษาอังกฤษเช่นกัน)
2) แต่จากผลการทดสอบก็ยืนยันว่าคนต่างประเทศสามารถเข้าใจสุนทรพจน์ของนายกฯ ได้ ฉะนั้นภาษาอังกฤษของนายกฯ ถือว่าไม่มีปัญหาครับ มาตรฐานการพูดภาษาอังกฤษในปัจจุบันนั้นถือ จุดประสงค์สำคัญคือการสื่อสารให้เกิดความเข้าใจ ส่วนการพูดติดสำเนียง (accent) นั้นมิได้ถือเป็นปัญหาแต่อย่างใด เนื่องจากเป็นธรรมชาติที่เมื่อภาษาอังกฤษกลายเป็นภาษาสากลมากกว่าภาษาประจำชาติ การพูดติดสำเนียงจึงถือเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ยิ่งท่ามกลางกระแสค่านิยมการไม่เลือกปฏิบัติ (nondiscrimination) ด้วยแล้ว มาตรฐานในโลกตะวันตก (อย่างน้อยก็เป็นมารยาทในสังคม) คือ การพูดติดสำเนียงไม่เป็นปัญหา แต่การดูถูกคนที่พูดติดสำเนียงนั่นแหละเป็นปัญหา
3) ย้อนกลับมาดูวิถีปฏิบัติของประเทศไทยเราเองบ้างก็จะเข้าใจได้ทันทีว่าทำไมหลายๆ คนถึง "อายแทนประเทศไทย" กับกรณีการพูดภาษาอังกฤษสำเนียงไทยของนายกฯ คนไทยเรายังยึดค่านิยมว่า "สำเนียงกลางเท่านั้นที่ถูกต้อง" อย่างแข็งขัน เราเห็นตลกล้อเลียนภาษาไทยสำเนียงอื่นบ่อยครั้ง และที่แน่ๆ เราจะไม่มีทางได้เห็นพิธีกร ผู้ประกาศข่าว หรือแม้แต่นักแสดงพูดด้วยสำเนียงอื่นนอกจากสำเนียงมาตรฐานเลย (ยกเว้นมุ่งให้เกิดความตลก) น่าสังเกตว่าเป็นไปได้หรือไม่ว่าคนกรุงเทพฯ เอาวิธีวัด "ความถูกต้องทางภาษา" เช่นนี้ไปขยายผลกับ "ความถูกต้อง" ในกรณีอื่นๆ ด้วย
4) ถ้าจะเอาประเด็นเรื่องสำเนียงการพูดไปตัดสินคุณสมบัตินายกฯ ยิ่งไม่สมเหตุสมผลมากขึ้นไปอีกครับ ถ้าใช้ตรรกะเดียวกันแล้ว ประธานาธิบดีหู จิ่น เทา ของจีนสอบตกการเป็นประธานาธิบดี ตั้งแต่อยู่ที่มุ้งเลยครับ เพราะท่านมิได้พูดภาษาอังกฤษแม้แต่คำเดียวในพิธีการที่ต้องเกี่ยวข้องกับต่างชาติ ท่านจะใช้ล่ามตลอด แต่ประธานาธิบดีหู ก็ยังเป็นที่ยอมรับของคนจีนจำนวนมาก แน่นอนว่าการพูดภาษาอังกฤษได้แบบไม่ติดสำเนียงเลยย่อมถือเป็น "โบนัส" แต่จะถือเป็นคุณสมบัติจำเป็นของนายกฯ ไม่ได้ครับ
5) สุดท้ายแล้ว จากมุมมองที่คนต่างประเทศ เขาไม่ได้เห็นว่าสุนทรพจน์ภาษาอังกฤษที่นายกฯ ยิ่งลักษณ์พูดไปในการแถลงการณ์ร่วมนั้นเป็นสิ่งที่น่าอับอายของประเทศไทยเลย "ความน่าอับอาย" นั้นเป็นสิ่งที่คนไทย "คิดไปเอง" โดยการเอาค่านิยมของตัวเองเป็นตัวตั้งครับ
At Vancouver, Canada, Nov 18, 2011, 5:42 pm (GMT -8:00)


ทีนี้ก็มาขอความคิดเห็นจาก ดร.อานนท์ ในมุมมองนี้ โดย ดร.อานนท์ ก็บอกว่า ก็ดีเหมือนกัน จะได้ขอแสดงความคิดเห็นเรื่องนี้เสียบ้าง โดยขอเล่าให้ฟังถึงที่ไปที่มาก่อนที่ท่านจะได้รับเชิญให้ไปเป็น ผู้เชี่ยวชาญเห็ด ขององค์การอาหารและเกษตร แห่งสหประชาชาติ (เอฟเอโอ) ประจำประเทศภูฎาน ที่เป็นคนไทยคนแรกที่ไปทำงานประจำที่ประเทศนี้ และเป็นช่วงที่พระเจ้าแผ่นดินองค์ปัจจุบันประสูติพอดี ก่อนที่จะไปเป็นผู้เชี่ยวชาญเห็ดนั้น ดร. ดี แอล อุมาลี คนฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นผู้อำนวยการองค์การอาหารและเกษตร ประจำภาคพื้นเอเซียและแปซิฟิก ท่านกำลังจะเกษียณอายุกลับประเทศฟิลิปปินส์ของท่าน ท่านจึงขอส่งลูก ภรรยาและคนงานของท่าน ให้มาอบรมเห็ดกับ ดร.อานนท์ เมื่อ ปี 2522 โดย ดร.อานนท์ ก็ได้พา ดร.อุมาลี ไปดูงานเรื่องเห็ดตามฟาร์มต่างๆด้วย แล้วท่านก็เชิญ ดร.อานนท์ ไปช่วยตั้งฟาร์มเห็ดที่บ้านของท่าน ที่อยู่หน้ามหาวิทยาลัยฟิลิปปินส์ ที่เมืองลอสเบนยอส ในปี 2523 ท่านได้ส่งพระปิตุลา(ลุง) ของกษัตริย์ภูฎาณ และอธิบดีกรมป่าไม้ มาดูงานของ ดร.อานนท์ แล้วถือโอกาสเชิญ ดร.อานนท์ไปช่วยสอนคนภูฎานเพาะเห็ด ซึ่ง ดร.อานนท์ ให้การปฎิเสธทันที ว่าไม่ไปเด็ดขาด เพราะรู้ตัวเองว่า พูดภาษาอังกฤษไม่เป็น แต่ทั้งทางรัฐบาลของประเทศภูฎานและ ดร. ดี แอล อุมาลี ก็ไม่ละความพยายาม จนกระทั่ง ดร.อุมาลี ได้ไปเข้าเฝ้ากษัตริย์ภูฎาน พร้อมรับปากว่า จะเชิญ ดร.อานนท์ไป ช่วยประเทศภูฎานเรื่องเห็ดให้ได้ ผลสุดท้าย ดร. อุมาลี ก็เลยออกอุบายว่า ไม่เป็นไร หากพูดภาษาอังกฤษไม่เป็น ก็จะส่งไปเรียนภาษาอังกฤษเสียก่อน 6 เดือน โดยมีเงื่อนไขว่า ขณะที่เรียนนั้น ก็จะได้เงินเดือนเท่ากับผู้เชี่ยวชาญ คือ ประมาณ 3,500 ดอลลาร(คูณ 25 บาทดูซิ) แล้วช่วงนั้น ดร.อานนท์ เงินเดือนที่ได้รับจากไทย คือ 1,667.33 บาท(นั่นก็หมายความว่า แค่ไปเรียนภาษาอังกฤษ 1 เดือน ก็ได้เงินมากกว่ารับราชการ 2 ปี) ดังนั้น พอคิดสารตะบวกลบคูณหารแล้ว มันน่าสนใจนี่หว่า เลยตกลงทันที เพราะเงินและเพราะจะได้ไปเรียนภาษาอังกฤษ จากอาจารย์สาวสวยเสียด้วย ก็เป็นอันว่า ตกลงไปเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ประเทศภูฎาน ซึ่งเป็นครั้งแรกที่นั่งเครื่้องบินไปลงที่กัลกัตตา แล้วต่อเครื่องไปยังเมืองแบคโดกรา ที่ห่างจากชายแดนภูฎานประมาณ 120 กม.(ต้องนั่งรถไปอีก 3 ชม.) เมืองนี้ได้นัดแนะกันว่า จะมี ดร.โรเมส จันทรามารับ พอเอาเข้าจริงๆ หากันที่สนามบินไม่เจอ(ลองหลับตานึกดูก็แล้วกันว่า มันจะสับสนอลหม่านขนาดไหน เพราะตัวเองก็พูดภาษาอังกฤษไม่เป็น แล้วก็ไม่มีคนไปรับ เครื่องบินก็เป็นเครื่องบินในประเทศ พอเขาให้ผู้โดยสารลงแล้ว อีก ไม่กี่นาทีเขาก็บินไปที่อื่น ผลสุดท้าย ตำรวจอินเดียเขาก็พาไปรอคนรับที่โรงพัก แล้วก็ไปเจอคนมารับที่โรงพักจริงๆ เพราะคนไปรับเขามาแจ้งความว่า หาก ดร.อานนท์ไม่เจอ ทั้งๆที่ความจริงก็เดินสวนกันไปมาหลายรอบ แต่เขาคิดไม่ถึงว่า อะไรว่ะ ผู้เชี่ยวชาญอะไร ดูหน้าแล้ว มันนักเรียนนี่หว่า เขาคิดว่า ดร.อานนท์ที่เก่งเรื่องเห็ด มันต้องอายุเกิน 60 แล้ว และเขายังคิดว่า หัวมันต้องหงอก หน้ามันต้องเหี่ยวๆ มันต้องมีหนวด มีเครา เหมือนศาสตราจารย์ผู้ทรงความรู้ที่นิยมไว้หนวดไว้เคราทั้งหลาย เขาก็ขอดูพาสปอร์ต ดูหน้า ดูแล้วดูอีก เขาก็เลยโอเค พาไปส่งที่เมืองชายแดน ไปถึงก็เป็นเวลากว่า 4 ทุ่มแล้ว เขาให้เข้าพักที่โรงแรม Druk Hotel ของ Welcome group ตลอดเวลาที่นั่งรถมานั้น ดร.โรเมส ก็พยายามพูด อธิบายทั้งทาง เมืองที่ผ่าน และอะไรต่ออะไรอีกมากมาย ซึ่ง ดร.อานนท์ บอกว่า ที่เขาพูดมาทั้งหมดไม่รู้เรื่องเลย พอเข้าถึงโรงแรมก็เป็นลมหลับไปไม่รู้เรื่องเลย แต่ก็ยังฝันว่า มาเรียนภาษาอังกฤษและจะได้เงินอยู่ดี จากนั้น เขาบอกว่า อีกประมาณ 1 ชม.ต่อมา ได้มีทหารรักษาพระองค์มาเคาะประตู แต่ เราไม่ได้ยิน เพราะเพลียมาก เขาเลยให้ผู้จัดการโรงแรมใช้กุญแจสำรองมาเปิดประตู เพราะเขาคิดว่า เราอาจจะมีปัญหาหรืออาจจะตายไปแล้ว ก็เลยสะดุ้งตื่นขึ้นมา โดยนายทหารบอกว่า พรุ่งนี้ ขอให้เราไปบรรยายเรื่องเห็ดต่อหน้าพระพักตร์และทูตานุทูต ข้าราชการระดับสูงของประเทศ และผู้สนใจอีกประมาณ 200 คน พอได้ฟังแค่นั้น เป็นลมต่อไปอีก เพราะมันเกิดความสับสนชนิดที่บอกไม่ถูกจริงๆว่า ไหนบอกว่า ส่งเรามาเรียนภาษาอังกฤษแล้วให้เงินเดือนไง แต่พอมาถึงยังไม่ถึง 24 ชม.เลย ให้ขึ้นชกรุ่นแฮฟวี่เวทเลยหรือ ก็หมดสติไปเลยจนเช้า แล้วก็ถ่อสังขารไปบรรยายเรื่องเห็ดผ่านไปด้วยดี แล้วคำว่าผ่านไปด้วยดี มิได้หมายความว่า จะพูดภาษาอังกฤษด้วยดี เพียงแต่มีตัวช่วย เพราะก่อนที่จะไปภูฎานนั้น ดร.อานนท์ ได้รับเชิญจาก สำนักงานการศึกษานอกโรงเรียน (ก่อนมาเป็นกรมการศึกษานอกโรงเรียน) เป็นตัวเอกในการแสดงหนังเรื่อง เพลิน ที่หนังทั้งเรื่อง เกี่ยวกับการเพาะเห็ด ทั้งเห็ดฟางและเห็ดถุง ถ่ายทำที่อำเภอกระทุ่มแบน ก็อาศัยหนังเอาไปฉาย แล้วก็พูดตามหนังบางจุดที่พอพูดได้ เช่น หลังจากทำกองเพาะเห็ดฟางแล้วก็คลุมด้วยผ้าพลาสติก ก็พอพูดได้ว่า cover with plastic sheet คนฟังเขาดูรูปแล้วเข้าใจ แต่ที่เราพูด เขาก็ส่งสัย เพราะเขาเห็นรูปเอาผ้าพลาสติกคลุม แต่เวลาเราพูด เราบอกเอาเนยคลุม คือออกเสียงแบบนี่ cover with plastic cheese เขาเลยกระซิบกระซาบกันว่า โอ้โฮ ที่ประเทศไทย เขาเพาะเห็ดแล้วคลุมด้วยเนยเชียวเหรอ นอกจากนี้ ดร.อานนท์ ก็ได้ใจ คิดว่า อย่างไงก็น่าจะพูดได้ เพียงแต่อยู่เมืองไทยไม่กล้าพูด เพราะอายคนที่พูดภาษาอังกฤษได้เก่งกว่า ในเมื่อพอพูดไปแล้ว คนก็พยักหน้า แสดงให้เห็นว่า เขาเข้าใจเรา ทีนี้พอถึงเรื่อง ที่คนภูฎาน 2 คน ชื่อ นางปาซัง และนายเต็นซิ่น มาฝึกเรื่องการเพาะเห็ด แล้วพักอยู่กับ ดร.อานนท์ ที่บ้านพักในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ก็เลยบอกไปว่า นายทั้งสองคนไปฝึกงานที่บ้านเรา และก็พักอยู่กับเรา นี่คือ สื่อที่เราจะบอกเขา แต่พอมาเป็นภาษาอังกฤษ เราก็บอกว่า สองคนพักกับเราว่า two of them sleep with me เท่านั้นแหละ คนทั้งห้องเขาหัวเราะกันตรึม เราก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่า เขาหัวเราะเรื่องอะไร เขาคงหัวเราะว่า เรานี่ใจกว้างจริงๆ ตอนหลังถึงรู้ว่า ที่เขาหัวเราะนั้น เป็นเพราะว่า เราเอานักเรียนเขาไปฝึกงาน ทั้งๆที่เป็นผู้ชาย เรายังเอาเขาไปนอนด้วยทั้งสองคนเลย ทั้งๆที่ความตั้งใจมิได้เป็นเช่นนั้น ทางที่ต้องมันต้องบอกว่า two of them stayed at my place อะไรทำนองนั้น(แล้วเราจะรู้ไหมเนี่ย) จากนัี้้นมา เป็นเวลากว่า 20 ปี ที่ ดร.อานนท์ ได้รับเชิญให้ไปเป็นผู้เชี่ยวชาญเห็ดขององค์กรระหว่างประเทศ จนตำแหน่งสุดท้าย เป็นผู้เชี่ยวชาญอาวุโส ขององค์การค้าโลกแห่งสหประชาชาติ แล้วก็ยังเขียน ยังพูด เป็นแบบไทยๆ ก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรเลย ในทางตรงข้าม ทุกประเทศที่ไปสอนมา ทั้งในเอเซีย แอฟริกา ลาตินอเมริกา ก็ล้วนแล้วแต่สามารถทำการเพาะเห็ดได้อย่างดียิ่ง บางประเทศ เช่นภูฎาน เป็นประเทศที่ส่งเห็ดไปขายต่างประเทศจนเป็นสินค้าสำคัญของเขาไป และในการบรรยายในระดับนานาชาติแทบทุกครั้ง ดร.อานนท์ ก็จะบอกว่า ท่านอาจจะเป็นคนโชคร้ายก็ได้ ที่เกิดเป็นคนไทย ที่เผอิญไม่เคยเป็นเมืองขึ้นของใครมาก่อน ดังนั้น สำเนียงภาษาของท่านจึงออกเป็นไทยๆ ก็ล้วนแล้วแต่มีคนสรรเสริญ(ไม่ใช่แก้วกำเนิดน๊ะ) ทีนี้ หากมาเทียบกับ นายกหญิงยิ่งลักษณ์ ท่านพูดได้ดีกว่าเราเยอะ(ดร.อานนท์กล่าวเปรียบเทียบ) ใครก็ตามดูถูกเหยียดหยาม นายกไทย ที่พูดสำเนียงออกเป็นไทย มันผู้นั้นแหละ เป็นพวกที่ลืมตัว ลืมตน ลืมกำพืดของตนเอง แล้วมันผู้นั้นแหละ น่าจะเป็นสิ่งที่น่าอับอายของประเทศไทย
ดร.อานนท์  เอื้อตระกูล ไปเป็นผู้เชี่ยวชาญเห็ดให้แก่ องค์การระหว่างประเทศ เพราะพูดภาษาอังกฤษไม่เป็น 36193641361136183636365
ดร.อานนท์  เอื้อตระกูล ไปเป็นผู้เชี่ยวชาญเห็ดให้แก่ องค์การระหว่างประเทศ เพราะพูดภาษาอังกฤษไม่เป็น 36193641361136183636365
ดูหน้าตาท่าทางแล้ว ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเกี่ยวกับภาษา ดูท่านประธานาธิบดีอเมริกาก็น่าจะเข้าใจดี แล้วท่านนายกก็ยังมีมือและรอยยิ้มเป็นตัวช่วยด้วย
ดร.อานนท์  เอื้อตระกูล ไปเป็นผู้เชี่ยวชาญเห็ดให้แก่ องค์การระหว่างประเทศ เพราะพูดภาษาอังกฤษไม่เป็น 35853633361036043619362
ดร.อานนท์  เอื้อตระกูล ไปเป็นผู้เชี่ยวชาญเห็ดให้แก่ องค์การระหว่างประเทศ เพราะพูดภาษาอังกฤษไม่เป็น 35853633361036043619362
ดร. ดี แอล อุมาลี (คนใส่หมวก เสื้อสีขาว พร้อม ดร.อานนท์ )(ขณะัที่ยังมีชีวิตอยู่) ที่บ้านพักเมืองลอสเบนยอส ประเทศฟิลิปปินส์ ท่านได้พาไปยังสถานที่ต่างๆทั่วฟิลิปปินส์ เพื่อสาธิตและบรรยายเรื่องเห็ดให้แก่คนฟิลิปปินส์ ปี 2528
ดร.อานนท์  เอื้อตระกูล ไปเป็นผู้เชี่ยวชาญเห็ดให้แก่ องค์การระหว่างประเทศ เพราะพูดภาษาอังกฤษไม่เป็น 36293629358536073637362
บันทึกหนังเรื่อง เพลิน ของสำันักงานการศึกษานอกโรงเรียน เมื่อง ปี 2519 ที่กลายเป็นตัวช่วยในงานบรรยายครั้งแรกที่ภูฎาน
ดร.อานนท์  เอื้อตระกูล ไปเป็นผู้เชี่ยวชาญเห็ดให้แก่ องค์การระหว่างประเทศ เพราะพูดภาษาอังกฤษไม่เป็น 36293629358536073637362
รายการทีวีขาวดำเกี่ยวกับการเพาะเห็ดถุงก็เป็นหนึ่งในตัวช่วยที่สำคัญ

Pai_Anonworld
Pai_Anonworld

จำนวนข้อความ : 1316
Join date : 29/11/2010
Age : 41

http://www.anonworld.com

ขึ้นไปข้างบน Go down

ดร.อานนท์  เอื้อตระกูล ไปเป็นผู้เชี่ยวชาญเห็ดให้แก่ องค์การระหว่างประเทศ เพราะพูดภาษาอังกฤษไม่เป็น Empty ขอร่วมแสดงความชื่นชมด้วยครับ

ตั้งหัวข้อ  Phakin Sun Nov 20, 2011 10:23 am

ดูซิว่างามสง่าขนาดไหน

ดร.อานนท์  เอื้อตระกูล ไปเป็นผู้เชี่ยวชาญเห็ดให้แก่ องค์การระหว่างประเทศ เพราะพูดภาษาอังกฤษไม่เป็น 83704957


ดร.อานนท์  เอื้อตระกูล ไปเป็นผู้เชี่ยวชาญเห็ดให้แก่ องค์การระหว่างประเทศ เพราะพูดภาษาอังกฤษไม่เป็น 55768435

Phakin
Phakin

จำนวนข้อความ : 317
Join date : 26/08/2011
Age : 58

ขึ้นไปข้างบน Go down

ดร.อานนท์  เอื้อตระกูล ไปเป็นผู้เชี่ยวชาญเห็ดให้แก่ องค์การระหว่างประเทศ เพราะพูดภาษาอังกฤษไม่เป็น Empty Re: ดร.อานนท์ เอื้อตระกูล ไปเป็นผู้เชี่ยวชาญเห็ดให้แก่ องค์การระหว่างประเทศ เพราะพูดภาษาอังกฤษไม่เป็น

ตั้งหัวข้อ  Phakin Sun Nov 20, 2011 10:29 am

เรื่องราวเกี่ยวกับ ดร.สมเกลียด หาฟังได้ใน banpodj59
Phakin
Phakin

จำนวนข้อความ : 317
Join date : 26/08/2011
Age : 58

ขึ้นไปข้างบน Go down

ดร.อานนท์  เอื้อตระกูล ไปเป็นผู้เชี่ยวชาญเห็ดให้แก่ องค์การระหว่างประเทศ เพราะพูดภาษาอังกฤษไม่เป็น Empty Re: ดร.อานนท์ เอื้อตระกูล ไปเป็นผู้เชี่ยวชาญเห็ดให้แก่ องค์การระหว่างประเทศ เพราะพูดภาษาอังกฤษไม่เป็น

ตั้งหัวข้อ  pornchai_p Sun Nov 20, 2011 3:43 pm

ผมว่า ฝรั่งเค้าคุยกันบางทียังไม่รู้เรื่องกันเลยนะครับ ก็เหมือนคนไทยคุยกัน บางครั้งก็เข้าใจไปกันคนละเรื่อง ผมว่าผู้นำบางประเทศก็พูดอังกฤษได้ แต่ก็ไม่พูด จะพูดผ่านให้ล่ามแปล

pornchai_p

จำนวนข้อความ : 6
Join date : 19/11/2010
Age : 59
ที่อยู่ : 25 ซอยทรายทอง2 ถ.ติวานนท์ ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000

ขึ้นไปข้างบน Go down

ขึ้นไปข้างบน

- Similar topics

 
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ