ขอแสดงความเสียใจในการสูญเสีย ปราชญ์สมุนไพร ไทย-จีน ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ที่จากไปเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2553

[Anonmushroom]

เมื่อวานวันที่ 29 ธันวาคม 2553 เวลา ประมาณ 11 โมงเช้า ขณะที่ผมกำลังดูแลการปรับปรุงพื้นที่ เพื่อพัฒนาเป็นอุทยานเห็ดอานนท์เวิลด์อยู่ คุณลินจง บุญนครินทร์ นักร้องเพลงไทย-จีน ที่โด่งดังในอดีต ได้โทรมาแจ้งว่า อากู๋(สันติ แซ่ฉั่ว) ได้เสียชีวิตแล้วอย่างสงบ ที่บ้านพัก ดอนเมือง ในวัยชราของท่าน ทำให้ผมและครอบครัว ตลอดจนลูกศิษย์ ลูกหา ของท่าน รู้สึกอาลัยกับการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งของประเทศไทย
มีน้อยคนนักที่รู้จักว่า อากู๋คือ ใคร หรือใครคือ อากู๋ แล้วทำไมถึงกล่าวว่า เป็นบุคคลสำคัญที่สุดคนหนึ่งของประเทศไทย ทั้งๆที่คนทั่วไปแทบไม่รู้จักท่านเลย ยกเว้น ผู้ป่วย ที่ได้รับการรักษาจากท่าน แต่หากจะย้อนไปขุดคุ้ยกันว่า ใคร คือ ต้นตำรับหรือคนเขียนตำราสมุนไพร ไทยจีน เขานั่นแหละ คือ อากู๋ แต่ตอนหลังมีการคัดลอกหนังสือของท่าน เอาไปเปลี่ยนเป็นชื่อคนอื่น จนไม่มีใครเอ่ยถึงอากู๋อีกเลย หรือ หากจะถามว่า ตำราสมุนไพรเล่มใหญ่ที่สุดในอดีต ที่เขียนโดย พ.อ. ชลอ อุทกภาคย์ ที่นักสุมนไพรทุกคนจะต้องมีนั้น ในส่วนที่เป็นตำราเกี่ยวกับสมุนไพรไทย จีน นั้น อากู๋ เป็นคนเขียน แล้วจากหนังสือนี้ ได้มีมากมายหลายสูตร ที่เป็นตำราสมุนไพร ไทย-จีน ก็ล้วนแล้วเป็นของอากู๋แทบทั้งสิ้น อากู๋ ยังเป็นอัจฉริยะอีกมากมายหลายอย่างที่สุดจะพรรณาได้ ไม่ว่า จะเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกโรงงานน้ำตาล วังขนาย เพราะท่าน เป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับโรงงานน้ำตาล หากพูดถึงการวิเคราะห์โรค อากู๋ เป็นคนเดียวเท่านั้น ที่ไม่นิยมวิเคราะห์โรคด้วยการแมะ หรือดูลิ้นเท่านั้น ท่านจะวิเคราะห์ด้วยการตรวจดู OPD ได้อย่างละเอียดแม่นยำ และท่านเป็นนักสมุนไพรคนเดียว ที่เดินป่าตั้งแต่ลาว เวียตนาม เขมร พม่า และจีน ไปทั่วทุกจุด ทุกมุม เพื่อค้นคว้าสมุนไพร แยกแยะสมุนไพร ทั้งชื่อพื้นเมือง ชื่อวิทยาศาสตร์ และเป็นนักค้นคว้า ที่เป็นคนไทยเพียงคนเดียว ที่รับหนังสือทางการแพทย์ จาวา จากอเมริกาติดต่อกันมานานกว่า 30 ปี เอาเป็นว่า ตอนนี้ ขอแค่นี้ก่อน หากมีเวลา จะนำเ้อาประวัติชีวิตของอากู่มาเล่าให้ฟัง และพวกเราทุกคน โดยเฉพาะ อ.เยาวนุช ถือว่า เป็นศิษย์เอกของท่าน ที่อากู๋ได้ถ่ายทอดวิทยายุทธ ตลอดจนร่วมกันจัดรายการวิทยุรักษ์สมุนไพรไทย-จีน ของวิทยุมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ติดต่อกันมาหลายปี ก่อนที่ พญ.เพ็ญนภา จะนำเอาเรื่องสมุนไพรมาทำให้ดังภายหลัง ดังนั้น ขอให้บรรดาลูกศิษย์ ลูกหาของท่าน ที่ได้รับการอบรมจากท่านไปเป็นจำนวนมาก ร่วมกันไว้อาลัยในครั้งนี้ด้วย โดยผมจะเอารายละเอียดเรื่องการจัดงานศพมาแจ้งให้ทราบด่วนที่สุด

[Anonmushroom]

ดังได้แจ้งให้ทราบไปแล้ว ถึงการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ ของปรมาจารย์สมุนไพรไทย-จีน เจ้าของฉายาหมอตีนเปล่าที่แท้จริง หรือมีผู้ป่วยส่วนใหญ่รู้จักในนามอากู๋นั้น ตลอดเวลาที่ผมได้มีโอกาสทำงานใกล้กับท่านมาอย่างยืนนาน และท่านได้นำเอาประสบการณ์ที่ยากมากในแผ่นดินไทย เกี่ญวกับสมุนไพรไทย-จีน ในช่วงที่ผมได้เชิญ อ.สันติมาออกรายการ รักษ์สมุนไพรไทย-จีน ในสถานีวิทยุ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ช่วงปี 2540-2544 นั้น เป็นช่วงที่ประเทศไทยมีปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ ผมและ อ.สันติ จึงเปฺิดบริการให้คำแนะนำปรึกษาเกี๋ยวกับการรักษาโรคโดยสมุนไพรไทยจีน ที่ศูนย์ไทยไบโอเทคเดิม ของทุกๆวันเสาร์ แบบไม่คิดค่าใช้จ่าย แถมเลี้ยงอาหารผู้ป่วยฟรีอีกด้วย ปรากฎว่า ทุกครั้งในการเปิดบริการ มีผู้คนหลั่งไหลมาจากทั่วสารทิศนับพันนับหมื่น รวมทั้งผู้ป่วยจากต่างชาติ เช่น ลูกเจ้าของบริษัทยาของญี่ปุ่น ที่เป็นโรคไวรัสบีลงตับ ตลอดเวลาที่ อ.สันติให้คำแนะนำปรึกษาเกี่ยวกับสุขภาพนั้น เป็นการแนะนำให้ฟรี ไม่ได้เรียกร้องเงินทองใดๆทั้งสิ้น จึงไม่มีเวลาที่จะบันทึกชื่อ ที่อยู่ผู่ป่วยเลย มีครั้งๆหนึ่ง อ.สันติ เคยเปรยไว้ว่า นี่เราสองคน(หมายถึงท่านกับผม)ที่ทำอะไรต่ออะไร เพื่อเป็นการช่วยชีวิตคนอื่นมานับพันนับหมื่นเช่นนี้ เวลาเราตายจะมีคนสนใจเราไหมหนอ นั่นเป็นคำพูดเมื่อสิบกว่าปีมาแล้ว และด้วยความที่ อ.สันติเป็นคนหยิ่งทรนงตัวเอง ท่านไม่เคยไปขอความช่วยเหลือใครๆเลย ท่านอยู่อย่างสมถะในห้องแถวของหลานแถวตลาดใหม่ดอนเมือง เมื่อท่านป่วย และถึงแก่กรรม ก็มีเพียงลูก 3 คนที่เพิ่งเรียนจบ และพอท่านเสียชีวิต งานสวดศพวันแรกก็มีเพียงญาติๆใกล้ชิดไม่กี่คน ผมไปงานสวดวันที่ 2 ก็ดูเหมือนมีผมและครอบครัวและคุณลินจง(น้องร้องเสียงอมตะในอดีต) ที่เป็นหนึ่งในคนไข้ที่ อ.สันติช่วยชีวิตให้ แต่ในช่วงคาบเกี่ยวส่งท้ายปีเก่า เข้าปีใหม่ ทางวันงดพิธีกรรมทางศาสนา จะเริ่มงานสวดอีกที ในวันที่ 2 มกราคม และวันที่ 3 มกราคม เป็นวันสวดสุดท้าย ทางอานนท์ไบโอเทค และอานนท์เวิลด์ และครอบครัวเอื้อตระกูล ขอเป็นเจ้าภาพในงานสวดทั้ง 2 วัน ก่อนที่จะทำการฌาปนกิจศพในวันที่ 4 มกราคมเวลา 16.00 น. ที่วัดดอนเมือง ศาลาที่ 6 จึงขอเชิญชวนสมาชิกที่เคยผ่านการอบรมกับอ.สันติ หรือผู้ที่เคารพเลื่อมใสท่าน ให้ไปร่วมงานบุญเป็นการอาลัยในคุณงามความดีของท่านเป็นครั้งสุดท้าย ตามวัน เวลา ดังกล่าว

[Anonmushroom]

วันนี้ได้ไปเป็นประธานในงานสวดศพ อ.สันติ แซ่ฉั่ว สุดยอดปราชญ์สมุนไพรไทย-จีนมา มีแขกที่ไม่ใช่ญาติประมาณ 10 คน หนึ่งในนั้นก็มีผม อ.เยาวนุช อรนุช(ผึ้ง) น้องบ๊อบ คุณรวิพร และคุณเรียมจากศูนย์ไทยไบโอเทค เพชรบุรี ขอให้วิญญานของอาจารย์จงไปสู่สรวงสวรรค์ชั้นฟ้า เป็นเทวบุตร เทวดา ในช่วงที่อาจารย์ยังมีชีวิตอยู่ อาจารย์ได้สละเวลาทั้งชีวิตด้วยความวิริยะ อุตสาหะ ให้กับการศึกษาค้นคว้าเรื่องสมุนไพร และถ่ายทอดวิชาให้แก่ลูกศิษย์ลูกหามามากมายทั่วประเทศ ผมและคณะกรรมการของอานนท์ไบโอเทค ขอสัญญาว่า จะนำเอาความรู้ทุกอย่าง ที่ได้รับการถ่ายทอดจากท่าน นำไปเผยแพร่ต่อๆไป พรุ่งนี้ วันที่ 3 มกราคม 2554 ทางอานนท์ไบโอเทค ก็จะเป็นเจ้าภาพร่วมในการสวดศพเป็นวันสุดท้าย ในเวลา 18.30 น. ณ.ศาลา 6 ในวันที่ 4 มกราคม เวลา 16.00 น. จะเป็นการฌาปณกิจศพ

[Anonmushroom]

เมื่อคืนเป็นวันสุดท้ายของการสวดพระอภิธรรม เพื่อส่งวิญญาณของอาจารย์ สันติ แซ่ฉั่ว ขึ้นสู่สรวงสวรรค์ชั้นฟ้า หากวิญญานของ อ.สันติรับรู้ได้ ก็คงดีใจ ที่มีบรรดาศานุศิาย์ทั้งหลายมาร่วมในงานสวดและฌาปณกิจศพครั้งนี้

คณะศิษย์เอก ผู้ไปพบเจอ อ.สันติ จากที่แทบจะไม่มีใครรู้จักหน้าค่าตาของท่านมาก่อน แต่ศิษย์เอกคณะนี้ อันประกอบไปด้วย อ.อรทัย เอื้อตระกูล อ.ถวิล สุวรรณมณี(นายกสมาคมผู้สื่อข่าวเกษตรแห่งประเทศไทย) ดร.อานนท์ เอื้อตระกูลและ อ.เยาวนุช เอื้อตระกูล(ไม่อยู่ในรูป) คุณเรียม (เจ้าของศูนย์ไบโอเทค เพชรบุรี เคยเป็นฝ่ายประชาสัมพันธ์ของอานนท์ไบโอเทคมาก่อน) และคุณรวิพร เงินโสภา

[Pai_Anonworld]

สิ่งที่แน่นอนที่สุดของมนุษย์ที่ทุกคนหนีไม่พ้น แม้พยายามที่จะหนี ก็คือ ความตาย สิ่งที่เหลือก็คือ คุณความดี เวลา 16.00 น. ที่วัดดอนเมือง ดร.อานนท์ เอื้อตระกูล ได้ไปเป็นประธานในการทอดผ้ามหาบังสกุลในงานฌาปณกิจศพและเป็นการรำลึกเป็นครั้งสุดท้ายแด่ อ.สันติ แซ่ฉั่ว(อากู๋) ปราชญ์สมุนไพร-ไทยจีน ผู้ฝากผลงานในความรอบรู้เกี่ยวกับสมุนไพรไทย-จีน ที่จะหาผู้ใดเสมอเหมือนได้ บัดนี้ ร่างของท่านได้กลายเป็นเถ้าถ่านไปเรียบร้อยแล้ว และวันนี้ เป็นวันที่บรรดาลูกศิษย์ลูกหาได้ประกาศที่จะยืนหยัดนำเอาความรู้ และประสบการณ์อันยาวนานของท่าน ที่ท่านได้ฝากไว้ แม้ว่า อาจจะไม่ถึง 5% ของความรู้และประสบการณ์ที่ท่านมี แต่พวกเรายินดีที่จะนำมาสานต่อตามเจตนารมย์ท่านต่อไป ๖โปรดอ่านการประกาศเปิดตัวและเจตนารมย์อันแน่วแน่ที่จะสานงานต่อของ อ.สันติ แซ่ฉั่ว)


ดร.อานนท์ เอื้อตระกูล เป็นประธานทอดผ้ามหาบังสกุล และจุดไฟในงานพิธีฌาปณกิจศพ อ.สันติ แซ่ฉั่ว(อากู๋) เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2554 เวลา 16.00 น. ที่วัดดอนเมือง

จำนวนแขกและญาติๆทั้งหมดที่มาในงานฌาปณกิจศพ แต่ที่สำคัญปิดท้ายด้วยคณะแพทย์ทางเลือกจากโรงพยาบาลต่างๆ ที่ อ.สันติ ฝันที่จะให้มีแพทย์ในแขนงนี้ บัดนี้ ความปรารถนาของท่านได้เป็นความจริงแล้ว

คุณลินจง บุนนากรินทร์ นักร้องเสียงหวานและโด่งดังในอดีต เจ้าของเพลงอมตะหลายเพลง เช่น รักปักใจ จันทร์เอ่ย จูบแล้วจงตายเสีย ที่เคารพนับถือ อ.สันติ ก็มาร่วมงานตั้งแต่วันแรกถึงวันเผา

ดร.อานนท์ เอื้อตระกูล อ.เยาวนุช เอื้อตระกูล อ.ถวิล สุวรรณมณี นายกสมาคมผู้สื่อข่าวเกษตรแห่งประเทศไทย และคณะแพทย์ทางเลือกจากหลายสถาบันได้มาร่วมงานและประกาศต่อหน้างานว่า พวกเราจะสานต่องานของ อ.สันติ แซ่ฉั่วต่อไป(โปรดติดตาม)