การหมักปลาไหลเผือกเพื่อเป็นยาบำรุงสมรรถภาพทางเพศ ที่ทางตะวันออกกลางใช้กันมากที่สุด

[Pai_Anonworld]

เรียน ดร. อานนต์ ที่เคารพ

ผมได้รากปลาไหลเผือกมาแล้วครับ สั่งจาก อ.เบตง จึงอยากขอซื้อเชื้อจุลินทรีย์จาก อาจารย์ เพื่อมาทดลองหมักครับ แนวทางการหมักที่ผมคิดไว้มีดังนี้ครับ

แนวทางที่ 1 คือ หั่นรากปลาไหลเผือก ขนาดไม่เกิน 1ซม. ปริมาณ 2 ถ้วยตวง , น้ำ 3 ถ้วยตวง ละลายน้ำตาล 1 ถ้วยตวง, นำน้ำตาลมาละลายน้ำ และใส่เชื้อจุลินทรีย์ ตั้งทิ้งไว้ให้ขยายจำนวน เป็นเวลา 6 ชั่วโมง จากนั้น เทน้ำลงไปบนรากปลาไหลเผือกที่บรรจุอยู่ในขวด , ครอบด้วยลูกโป่งเจาะรูเพื่อระบายอากาศ แต่ป้องกันไม่ให้อากาศจากภายนอกเข้ามา เป็นการหมักแบบไม่ใช้อากาศ ปล่อยให้เกิดปฏิกริยาจนหมด จากนั้นนำมานึ่งฆ่าเชื้อที่อุณหภูมิ 70 องศา เป็นเวลา 30 นาที.

แนวทางที่ 2 คือ หั่นรากปลาไหลเผือก ให้มีขนาดเล็ก ประมาณ 0.5 ซม. ปริมาณ 2 ถ้วยตวง , น้ำ 1 ถ้วยตวง น้ำตาล ½ ถ้วยตวง , นำน้ำตาลละลายน้ำแล้วผสมเชื้อจุลินทรีย์ จากนั้นนำไปคลุกกับรากปลาไหลเผือกให้ทั่วให้มีความชื้นแต่ไม่แฉะ นำไปหมักไว้ในขวดโหลปากกว้าง ปิดฝาแบบแง้มไว้ คอยคนพลิก ล่างขึ้นบน ทุกวัน จนกว่าจะมีกลิ่นหอม และลักษณะรากปลาไหลเผือกยุ่ยเล็กคล้ายจะเป็นผง จากนั้นจึงนำมาอบแห้งด้วยลมร้อน แล้วนำมาบดเป็นผง สำหรับชงทำเป็นผงหยาบ สำหรับบรรจุขวดหรือแคปซูลทำเป็นผงละเอียด

สำหรับทั้งสองแนวทางนี้ มีปัญหาอยากเรียนปรึกษาอาจารย์ว่า

11. กระบวนการหมักจุลินทรีย์นี้ ควรเป็นแบบไม่ใช้อากาศ หรือแบบใช้อากาศ หากเป็นแบบใช้อากาศผมคิดว่าจะติดเครื่องให้ออกซิเจนตู้ปลา เพื่อเพิ่มอากาศให้กับกระบวนการหมัก

22. ในกระบวนการหมัก เราควรหมักจนสิ้นสุด กระบวนการ หรือหมักเพียงให้มีกลิ่นหอม ก็เพียงพอ ที่ผมถามเช่นนี้ เพราะกังวลว่า หากหมักจนสิ้นสุดกระบวนการแล้ว สารที่จะออกฤทธิ์จะถูกจุลินทรีย์ทำลายไปจนหมดหรือไม่ หรืออาจเป็นว่าการหมักจนสิ้นสุดกระบวนการทำให้สารที่จะออกฤทธิ์ถูกย่อยให้อยู่ในรูปที่ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้ในทันที

33. การนึ่งฆ่าเชื้อ ด้วยอุณหภูมิ 70 องศา เป็นเวลา 30 นาที เพียงพอหรือไม่ครับ หรือความจริงแล้วไม่จำเป็นต้องนึ่งฆ่าเชื้อเพราะจุลินทรีย์ตัวนี้มีประโยชน์ต่อร่างกาย การเข้าสู่ร่างกายอาจส่งผลดี หรือการหมักจนสิ้นสุดกระบวนการทำให้จุลินทรีย์ตายหมดอยู่แล้วจึงไม่ต้องนึ่งฆ่าเชื้อ ซึ่งอาจทำให้สารออกฤทธิ์นั้นเสื่อมสลายไปเพราะความร้อน

หากอาจารย์ เห็นว่ามีขั้นตอนหรือวิธีการใดที่ยังบกพร่องอยู่ ขอความกรุณาอาจารย์ช่วยแนะนำเพิ่มเติมจะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง

ด้วยความเคารพอย่างสูง

[Pai_Anonworld]

เรียนคุณวิชัย

หากต้องการหมักรากปลาไหลเผือกเพื่อทานกันในครัวเรือน หมักวิธีแรกโอเคเลย เพียงแต่ว่า การหมักนั้น ต้องใช้อากาศครับ ดังนั้น ขณะที่ทำการหมักต้องเป่าอากาศเข้าไปตลอดเวลาประมาณ 25-30 วัน จึงจะดีครับ

ส่วนจะเอามาเป็นผงหรือเป็นแคปซูลนั้น สูตรที่ 2 นั้นแหละถูกต้องที่สุดครับ หากเป็นไปได้ ให้เอาเห็ดถั่งเช่าสีทองใส่เข้าไปด้วยยิ่งดี ไม่ต้องกลัวเรื่องราคา เราเอาคุณภาพเสียก่อน เพราะเราสามารถเพาะได้เองอยู่แล้ว

ส่วนการที่จะเอาไปนึ่งฆ่าเชื้อที่แม้ว่าจะใช้อุณหภูมิเท่ากับพลาสเจอร์ไรว์นั้น อุณหภูมิขนาดนี้ ถึงแม้จะฆ่าจุลินทรีย์บางส่วนได้ แต่มันจะทำลายเอ็นไซม์ที่มีประโยชน์ไปด้วย ผมว่าทำแห้งด้วยอากาศเย็น เช่นในห้องปรับอากาศหรือใช้ซิลิก้าเจลดูดจะดีกว่าครับ แต่หากต้องการที่จะฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ให้ตายเสียก่อน เพราะเกรงว่า การส่งออกจะมีปัญหานั้น ให้ทำการฆ่าด้วยโอโซนจะดีกว่าครับ เพราะมันจะไม่ไปทำลายเอ็นไซม์ที่มีประโยชน์ครับ

วันนี้ จะพยายามส่งเชื้อจุลินทรีย์มาให้ 100 กรัม ที่สามารถใช้หมักได้ประมาณ 200-300 ลิตร หมายความว่า หากคุณทำแค่ไม่กี่ลิตร ใช้เพียงช้อนชาก็พอแล้ว และจุลินทรีย์บริสุทธิ์นี้ ประกอบไปด้วยจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์หลายชนิด(Probiotic bacteria) ที่ไปแยกแล้วคัดเลือกจากรากของต้นโกงกาง จึงไม่จำเป็นจะต้องเก็บไว้ในตู้เย็น เก็บไว้อุณหภูมิธรรมดา จะสามารถอยู่ได้มากกว่า 2 ปี

ส่วนเห้ดถั่งเช่าสีทอง ก็เป็นเห็ดที่ผ่านขบวนการ Freeze dry มาแล้ว แม้ว่าจะไม่ใส่รากปลายไหลเผือกก็รับรองว่า ฟิตเปรี๊ยะเลยครับ ให้เอาใส่ในสูตรที่ 2 สักเล็กน้อยได้ครับ คำว่าสักเล็กน้อย หมายความว่า ประมาณ 5-10% ครับ และผมก็ฝากเชื้อเห็ดหัวลิงมาด้วย 2 ขวด ให้ใส่เข้าไปด้วยจะดีมาก เพราะมันจะไปช่วยสร้างเซลประสาท ทำให้ความจำดียิ่งขึ้น นี่แหละครับ ที่มาเลเซียเขาทำกัน เขาไม่ได้ใช้เฉพาะรากปลาไหลเผือกแต่เพียงอย่างเดียว เวลาผมทำนั้น ผมจะต้องใส่อีกหลายชนิด ถึงจะเป็นยาโป้วที่บรรดาพวกตะวันออกกลางใช้แล้วติดใจแน่ๆครับ

ขอที่อยู่ที่จะส่ง EMS มาถึงบ้านเลย และรายการทั้งหมดฟรีน๊ะครับ อย่างน้อยก็เป็นส่วนหนึ่งในการทดแทนในความกรุณานำเอายางแฟรงกีเซนต์มาให้ครับ

อานนท์

(ปล. ชื่อผมก็ยังไม่เคยเปลี่ยนเป็น อานนต์ น๊ะครับ ยังใช้ อานนท์ เหมือนเดิมครับ)