สมาชิกใหม่รายงาตัวครับ

[ต้นรังสิต]

สวัสดีครับ อาจารย์ ดร.อานนท์ และคุณไผ่ ผมชื่อ นาย วัชรินทร์  ภู่ซ้อน ชื่อเล่นชื่อ ต้นครับ หมายเลขสมาชิก P109-1 ตอนนี้ผมทำงานเป็นพนักงานบริษัท หลังจากอบรมผมเริ่มทดลองเพาะเห็ดนางฟ้าภูฐาน กับฮังการี ตามที่ได้อบรมมา โดยใช้วัสดุเพาะ KAT 301 นึ่งโดยเตาลูกทุ่ง ก็ซื้อจาก ไบโอเทคอีกนั้นแหละ ตอนนี้ผมทำได้ประมาณ 500 ก้อนและเปิดดอกไปแล้วได้ผลดีครับ เป็นที่ต้องการในตลาดแถวบ้านมากครับ
 
 และผมก็ลองใช้ฟางข้าวเพาะดูด้วย ลองทำแค่สามก้อนครับ ได้ผลแค่ก้อนเดียวครับ ผมคิดว่าอีกสองก้อนเชื้อไม่เดินเพราะมันชื้นเกินไปครับ
" />

ผมอยากถามอาจารย์ เรื่องการฆ่าเชื้อในฟางข้าวด้วการนึ่งครับ และวิธีการประมาณค่าความชื้นในฟางข้าวหลังนึ่งเสร็จอ่ะ ครับว่าสังเกตุอย่างไรว่าได้ความชื้น 60% ครับ (ผมจะเพาะเห็ดนางฟ้าภูฐานครับ)

[Pai_Anonworld]

ดีใจด้วยในความพยายามใช้วัสดุเพาะเห็ดที่ไม่ใช่ขี้เลื่อย จริงๆแล้ว ฟางเป็นวัสดุที่ใช้เพาะเห็ดได้ดีมาก หาก็ง่าย ราคาก็ถูก และดอกเห้ดที่เก็บได้รสชาติจะดีด้วย แต่ปัญหาตรงที่ฟางมีลักษณะเป็นเส้น ไม่ค่อยสะดวกในการนำไปบรรจุถุงขนาดเล็ก แต่จริงๆแล้ว ในเมื่อรู้ทั้งรู้ว่ามันใส่ถุงเล็กไม่ได้ ก็ใส่ถุงใหญ่สิ อีกอย่างหนึ่ง เรื่องของการนึ่งนั้น ต่อไปต้องช่วยกันรณรงค์เรื่องการฆ่าเชื้อว่า ไม่จำเป็นต้องทำการนึ่งวัสดุเพาะเสมอไป เพราะค่าเชื้อเพลิงราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ ยังมีวิธีการอื่นในการฆ่าเชื้อทั้งถูกและปลอดภัย เช่น การใช้น้ำยาไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ความเข้มข้นประมาณ 0.1% ก็สามารถใช้แทนการนึ่งฆ่าเชื้อได้ ส่วนการวัดค่าความชื้นนั้นไม่ยากเลย ส่วนใหญ่จะเอามือจับฟางมาเป็นกำแล้วหมุนบิดดู หากมีน้ำเย้มออกมา ความชื้นสูงเกิน 60% แน่นอน แต่หากบิดแล้วเห็นน้ำแค่ยิ้ม(แสยะ)หมายความว่า เห็นเป็นน้ำแต่ไม่ถึงรวมตัวเป็นหยด นั่นแสดงว่าอยู่ในเกณท์ 55-60% ซึ่งถือว่าโอเค หากบิดอย่างแรง ไม่เห็นน้ำเลย แห้งไปครับ ทีนี้ การที่จะเอาฟางมาทำเป็นวัสดุเพาะนั้น โดยปกติ เอามาจุ่มน้ำแช่ไว้สัก 30 นาที(ถ้าจะให้ดี ให้ใส่เชื้อไบโอวัน 1 ลิตรต่อน้ำ100 ลิตร) แล้วเอาขึ้นมาให้สะเด็ดน้ำ จากนั้น นำมากองสุมกันไว้สูงไม่เกิน 100 ซม. หากมีลมโกรกมากให้ใช้ผ้าพลาสติกหุ้มรอบๆกอง เปิดช่องระบายอากาศตรงส่วนยอดของกองเอาไว้เพื่อไม่ให้อุณหภูมิสูงเกินไป กลับกองทุกๆวัน ประมาณ 4-5 วันก็จะมีกลิ่นหอม เอาไปใช้เป็นวัสดุแทนขี้เลื่อยได้ โดยก่อนที่จะนำไปบรรจุถุงให้ใส่อากหารเสริม KAT 101 ไปประมาณ 5-7 กก.ต่อฟางแห้ง 100 กก.หรือฟางเปียกหมักได้ที่แล้ว 220 กก. ในกรณีที่จะใช้ฟางเพาะเห็ดเป็นแบบถุงใหญ่แล้วใช้ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์นั้น เนื่องจากเป็นถุงขนาดใหญ่อยู่แล้ว การเช่น ถุงปุ๋ย ถุงดำใส่ขยะ การบรรจุถุงจะง่ายกว่า ดังนั้น สามารถใช้ฟางใหม่ได้โดยตรงโดยไม่ต้องทำการหมัก เพียงแต่นำฟางนั้นมาแช่ในน้ำที่ผสมอาหารเสริม KAT901 อัตรา 1 ลิตรต่อน้ำ 100 ลิตร ใส่ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ความเข้มข้น 3% (มีขายตามร้านขายยาทั่วไป) ลงไป 1 ขวดปอนด์ประมาณ 450 ซีซี. นำฟางเข้าไปแช่นานประมาณ 30-60 นาที แล้วจึงเอาออกมาทิ้งให้สะเด็ดน้ำ จึงนำเอาฟางบรรจุถุง พร้อมทั้งใส่เชื้อเห้ดสลับกันไป ปริมาณของหัวเชื้อที่ใช้ ให้ใช้ประมาณ 1-2% ของวัสดุเพาะ หมายความว่า วัสดุเพาะ 100 กก.(รวมความชื้นแล้ว) หรือเทียบเท่าฟางแห้งประมาณ 45 กก. ให้ใช้หัวเชื้อจำนวนน้ำหนัก 1-2 กก. หรือประมาณ 10-15 ขวด อนึ่ง น้ำที่ใช้แช่ หากสามารถต้มให้อุ่นได้ประมาณ 80 องศาเซลเซียสแล้วใส่อาหารเสริมพร้อมทั้งไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ จะช่วยฆ่าเม,้ดพืชและไข่หนอนทั้งหลาย รวมทั้งทำให้ประสิทธิภาพการฆ่าเชื้อของไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ทำงานได้ดีขึ้น จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า หลังจากแนะนำเรื่องนี้ไปแล้ว อยากจะให้สมาชิกหันไปหาวัสดุเพาะที่มีอยู่ใกล้บ้าน ซึงหาง่ายกว่า ต้นทุนถูกกว่า ผลผลิตก็ไม่แพ้ขี้เลื่อย ที่แน่ๆคุณภาพดอกเห็ดจะอร่อยกว่า โดยไม่จำเป็นต้องเป็นฟางเท่านั้น ต้นข้าวโพด ปลายอ้อย ซังข้าวโพด หญ้า กิ่งไม้สับ ก็สามารถนำมาใช้ได้ทั้งน้าน เราจะเข้าเป็นสมาชิกประชาคมเอเซียนอยู่แล้ว ต้องเตรียมตัวเตรียมใจและพัฒนาตัวเองให้ก้าวหน่้าอยู่เสมอ อย่ายึดมั่นถือมั่น ไม่เช่นนั้น เราจะยืนอยู่ในสมาคมนี้ลำบาก

[ต้นรังสิต]

ขอขอบคุณอาจารย์มากครับ ที่ช่วยแนะนำ ผมจะลองไปปฎิบัติดูครับ แล้วได้ผลอย่างไรผมจะนำมาถ่ายทอดต่อนะครับ ผมว่าวิธิที่อาจารย์แนะนำ ทำได้ง่ายและต้นทุนจะถูกลงด้วยครับ


อันนี้เป็นภาพดอกเห็ดที่ผมเพาะในฟางข้าวครับ ช่อนี้หนัก เกือบ 2 ขีดเลยครับ ผมเก็บที่ขนาดของดอกประมาณ 7-8ซม.ครับ