Anon Biotec web board
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

ระหว่างเห็ดเป็นยา กับ เอ็นไซม์

2 posters

Go down

ระหว่างเห็ดเป็นยา กับ เอ็นไซม์ Empty ระหว่างเห็ดเป็นยา กับ เอ็นไซม์

ตั้งหัวข้อ  siriratana Wed Jul 28, 2010 4:35 pm

สวัสดีค่ะอาจารย์

หนูได้เข้ารับการอบรม และได้ฟังอาจารย์บรรยายเกี่ยวกับมหัศจรรย์เห็ดเป็นยา และประโยชน์ของเอ็นไซม์
มีความสนใจอยากจะให้คุณพ่อได้ทาน เพื่อให้สุขภาพร่างกายสดชื่นแข็งแรงขึ้น
ท่านมีโรคประจำตัวคือ โรคเกาท์ และความดันโลหิตสูง ประกอบกับมีความเครียดจากงานที่ทำ
ถึงแม้ท่านจะไม่บ่นให้ฟัง ท่านพูดแต่ว่าร่างกายไม่ไหว แต่ใจยังสู้ เห็นแล้วก็สงสารมากค่ะ
เวลาโรคเกาท์กำเริบแต่ละครั้ง เอามือไปแตะถูกยังไม่ได้เลย ถ้าเป็นที่ขาก็ถึงกับเดินไม่ได้
บางครั้งทนปวด เพราะยังไม่อยากไปหาหมอ ทนจนกว่างานจะเสร็จ กลายเป็นเกร็งจนความดันขึ้นมาก
พอไปถึงโรงพยาบาล หมอบอกว่า รอดมาได้ยังไง

จึงอยากสอบถามอาจารย์ว่า ระหว่าง เห็ดเป็นยา กับ เอ็นไซม์
ช่วยเปรียบเทียบประสิทธิภาพของทั้งสองอย่างให้หน่อยได้มั๊ยคะ ว่าแตกต่าง หรือดีกว่ากันยังไง
วิธีการรับประทาน และอย่างไหนที่แนะนำว่าเหมาะกับคุณพ่อ

ขอบคุณค่ะ

siriratana

จำนวนข้อความ : 1
Join date : 28/07/2010

ขึ้นไปข้างบน Go down

ระหว่างเห็ดเป็นยา กับ เอ็นไซม์ Empty เห็ดเป็นยากับเอ็นไซม์

ตั้งหัวข้อ  Anonmushroom Fri Jul 30, 2010 12:07 am

ผมขอสนับสนุนสำหรับทุกคนที่มีความรัก ความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ โดยเฉพาะพ่อ แม่ คุณเป็นอีกคนหนึ่งที่มีจิตใจงดงามเช่นนั้น และนี่แหละที่จะทำให้คุณสำเร็จทุกอย่างที่คุณตั้งใจไว้ ทำไปเถอะ ทำไปจนสุดความสามารถ เพื่อความสุข ความปลอดโรค ปลอดภัยของท่าน ขณะที่ท่านมีชีวิตอยู่ สำหรับอาการของคุณพ่อคุณนั้น โรค 2 โรคพอรักษา หรือทำให้บรรเทาได้ คือ โรคเกา?และโรคความดัน แต่โรคที่สำคัญ ที่เป็นสาเหตุของทุกโรคที่รุมเร้า นั่นคือ โรคเครียดครับ เวลามันเครียด มันไปกดระบบไม่ให้หลั่งฮอร์โมนที่จำเป็นออกมา มันก็จะทำให้ร่างกายอ่อนแอ มีโอกาสที่จะมีโรคแทรกซ้อนสูงมาก ฉะนั้น สิ่งแรกที่คุณต้องทำอย่างรวดเร็วและด่วนที่สุด คือ ทำลายโรคเครียดครับ ส่วนโรคเก๊า?นั้น ผมรู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดทรมานของคุณพ่อผมมามากแล้ว ท่านเป็นชายอกสามศอก ท่านไม่เคยแสดงความอ่อนแอให้ลูกๆเห็นเลย แต่พอเท้าท่านบวม โดยเฉพาะช่วงอากาศเย็นๆ ท่านจะปวดมาก ท่านปวดจนกระทั่ง เห็นน้ำตาท่านไหลออกมา แต่ท่านก็ทน เพื่อไม่ให้ลูกได้รับรู้ถึงความเจ็บปวด พอปวดมากๆ มันก็ส่งผลไปถึงความดันสูงได้ ทีนี้วิธีการรักษานั้น มันต้องว่ากันไปทีละเปราะ กล่าวคือ โดรคเก๊าท์นี้ เกิดจากความอักเสบตรงบริเวณข้อต่อ ที่สะสมมาเป็นเวลานานนับเป็นสิบๆปีกว่าที่จะแสดงอาการรุนแรง สาเหตุหนึ่งเกิดจากการสร้างเอ็นไซม์บกพร่อง ทำให้มีกรดยูริกเหลือในระบบมาก จึงเกิดอาการบวมและอักเสบขึ้นมา การรักษาที่จะให้หายทันที เป็นไปไม่ได้เลย ใครที่บอกทำได้ โม้ทั้งนั้น เพราะผมก็พาคุณพ่อผมไปรักษาไปทั่วจนกระทั่งท่านจากไป แต่เราสามารถค่อยๆรักษอาการบวมหรือเจ็บปวดแบบทรมานจากหนักให้เป็นเบาได้โดยใช้เห็ดเป็นยา เพราะเห็ดเป็นยานั้น มันจะช่วยสร้างภูมิต้านทาน เร่งประสิทธิภาพการดูดแคลเซียม ทำให้ระบบกระดูกแข็งแรงขึ้น ที่สำคัญ มันจะไปยับยั้งการอักเสบ อันเป็นสาเหตุหลักของการเจ็บปวดได้
ส่วนเอ็นไซม์นั้น ยิ่งคนที่เครียด ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่ป่วยเรื้อรังอยู่แล้ว มักจะมีปัญหาเกี่ยวกับร่างกายไม่สามารถสร้างเอ็นไซม์ได้อย่างเพียงพอที่จะนำเอาอาหาร หรือกำจัดของเสียออกจากร่างกายได้ โดยปกติร่างกายของมนุษย์ต้องการเอ็นไซม์หลายพันธุ์ชนิด เพื่อนำมาใช้ในขบวนการย่อยอาหาร นำอาหารไปหล่อเลี้ยงร่างกาย กำจัดของเสียในระบบะเลือดและร่างกาย ดังนั้น หากร่างกายสร้างเอ็นไซม์ไม่ทันหรือบกพร่อง เราจำเป็นจะต้องทานเอ็นไซม์เข้าไป จริงๆแล้ว เอ็นไซม์มีอยู่ในอาหารสดทั่วไป ไม่จำเป็นต้องหาซื้อแพงๆมาทาน แต่เรามักไม่มีความรู้ดีพอ สำหรับเอ็นไซม์ที่ผมผลิตนั้น เกิดจากการใช้เชื้อจุลินทรีย์ที่ทรงประสิทธิภาพ ในอาหารเลี้ยงเชื้อ เพียงไม่กี่ชั่วโมง ก็จะได้เอ็นไซม์ที่เป็นประโยชน์นับแสนๆเท่าของร่างกายสร้าง เมื่อได้เอ็นไซม์แล้ว ก็เอาอาหารที่มีเอ็นไซม์นั่นแหละเข้าไปทำแห้งในระบบเย็นจัดที่เรียกว่า Freeze dry มันจึงคงสภาพเอ็นไซม์ได้อย่างสมบูรณ์ ตัวเอ็นไซม์นี่แหละครับ ที่จะไปช่วยขจัดยูริกในร่างกายและไขมันในเส้นเลือดของคุณพ่อคุณได้ สรุปง่ายๆว่า คุณพ่อของคุณ ควรทานทั้งเห็ดและเอ็นไซม์ควบคู่กันไปด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง เพราะช่วงแรกๆจะมีอาการเจ็บปวดอย่างรุนแรง เพราะทั้งเห็ดและเอ็นไซม์จะทำงานไปพร้อมๆกัน หากท่านปวดมาก ก็อาจจะเริ่มให้ท่านทานเอ็นไซม์และเห้ดเป็นยาทีละน้อยไปก่อน เช่น ทานเอ็นไซม์ 1 เม็ด เห็ดเป็นยา 2-3 แคปซูล ก่อนอาหาร 1 ชม 3 เวลา หากท่านทนได้ ก็ให้เพิ่มขึ้น และทานไปเรื่อยๆจนอาการดีขึ้น คาดว่าไม่น่าเกิน 10 วันความดันน่าจะกลับสู่ภาวะปกติ ส่วนเก๊าท์อาจจะใช้เวลาหลายเดือนครับ วันนี้คงพอก่อนล่ะ ง่วงมากๆๆๆแล้ว และวันนี้คำถามเยอะมากๆๆๆด้วย
Anonmushroom
Anonmushroom

จำนวนข้อความ : 352
Join date : 05/07/2010

ขึ้นไปข้างบน Go down

ขึ้นไปข้างบน


 
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ