รายงานเห็ดโคนญี่ปุ่น vs ฟังแบคคิว

[สมาชิกทั่วไป]

เรียน อ.อานนท์ ครับ,

หลังจากที่ได้เรียนการเพาะเห็ดในถุงพลาสติกกับอาจารย์ เมื่อปีทีแล้ว มีคำถามมากมาย แต่พยายามศึกษา และที่สำคัญ ลองปฏิบัติจริง จนถึงวันนี้ก็ได้ประมาณ 3 เดือนที่ได้มีโอกาสเริ่มลองทำ ซึ่งรายงานนี้น่าจะเป็นประโยชน์ กับเพื่อนๆ ที่ยังไม่เคยลองเพราะเห็ดโคนญี่ปุ่น

ผมสนใจเห็ดโคนญี่ปุ่น จึงได้ซื้อก้อนจากผู้ผลิตแถวบ้าน มา 700 ก้อน และใช้โรงเรือนแบบแขวน ซึ่งอาศัยดูจากในรูป ที่เคยเห็น.
เมื่อตอนเปิดดอกครั้งแรก ได้ผลผลิตค่อนข้างดี รวมแล้วประมาณ 10 กว่ากิโลกรัม จากนั้นผมพักการให้น้ำ 1 เดือน และจึงเริ่มทำการเปิดดอกในรอบที่สอง ระหว่าง 2 อาทิตย์ ก่อนการเปิดดอกครั้งที่สองนี้ ผมสำรวจตามก้อนเห็ด และพบสิ่งที่น่าสนใจมากมายตามรายการด้านล่างครับ

ประเภทหนอน
- หนอนสีขาว ตัวเป็นปล้องๆ ความยามประมาณ 0.5- 1.0 เซนติเมตร อันนี้ผมสันนิษฐานว่าเป็นหนอนแมลงหวี่ เนื่องจากผมเห็น แมลงหวี่ ตัวสีดำๆ กำลังผสมพันธ์กัน โดยการเอาก้นติดกัน แล้วหันหัวไปคนละทาง ซึ่งมีเกิดขึ้นอยู่เต็มก้อน เกือบทั้งหมด 700 ก้อน
- หนอนตัวใสๆ (ใสจนไม่เห็นว่ามีขา มีอวัยวะใดๆ อยู่ที่ไหน ไม่รู้ว่าหัวอยู่ด้านไหนด้วย เหมือนกับว่าดูผ่านกล้องจุลทัศน์) ความยาวประมาณ 2-3 เซนติเมตร (ไม่ทราบว่าคือหนอนอะไร)
- หนอนตัวสีดำ ลักษณ์เหมือนไส้เดือนแต่ดูมันดุๆ น่ากลัวมาก (ไม่น่าจะใช่ใส้เดือนเพราะบ้านเป็นโรงเรือนแบบแขวน) ความยาวประมาณ 3-4 เซนติเมตร (ไม่ทราบว่าคือหนอนอะไร)

ประเภทแมลง
- แมลงหวี่ตัวสีดำๆ เล็ก มีหลายขนาด และพวกตัวเล็กจะไม่ค่อยมีสี
- แมลงหวี่ตัวใหญ่ ที่คล้ายๆแมลงวัน ท่าทางแข็งแรง (แบบเดียวกับที่ชอบตอมหมากคนแก่ และผลไม้)
- แมลง รูปร่างคล้ายๆ แมลงหวี่ แต่ตัวยาวกว่า มีสีส้ม สลับกับดำ (ลักษณะการม้วนหาง มักจะม้วนหางขึ้นบนคล้ายแมลงป่อง) ตัวเล็กประมาณ 0.5 เซนติเมตร
- มด (ผมเห็นมด แบกหนอนประเภทแรก ไม่ทราบเอาไปกินหรือเปล่า เลยเอาก้อนที่มีมดไว้อย่างเดิม เผื่อว่าจะช่วย กำจัดหนอน แต่ดูเหมือนว่า ไม่ช่วยเลย และสังเกตเห็น ขี้จิ้งจก จึงคิดว่า น่าจะมีจิ้งจกมาช่วยกินแมลงด้วย

ผมได้ทดลองกำจัดโดยการใช้ฟังแบคคิว ตามอัตรส่วนที่อธิบายในฉลาก พ่นเข้าปากก้อน (พ่นเยอะจนมีน้ำในก้อน อยากให้แน่ใจว่า หนอนและแมลงโดนยาน่ะครับ) สังเกตว่า หนอนและแมลงไม่ตายในทันที จนวันรุ่งขึ้นผมสำรวจอีกที พบว่ามีหนอนที่รอดชีวิตเยอะพอสมควร แต่แมลงนั้นไม่น่าจะตาย เนื่องจากผมพ่นใส่ตัวมันเท่าไร มันก็ไม่ยอมตาย ผ่านไป 1 สัปดาห์ จำนวนของหนอนได้ลุกลามขึ้นอีก จนเยอะเต็มก้อน ผมใช้วิธีเดิมแต่เพิ่มความเข้มข้นของยา ปรากฎว่า ก็ยังมีอยู่ ทั้งหนอน และแมลง

คำถามครับ อาจารย์;
1. หนอนและ แมลง ที่เป็นศัตรูเห็ด ที่ผมเจอนั้น คือตัวอะไรบ้าง จะได้ไปหาวิธิป้องกันและกำจัดได้ถูกต้อง
2. หนอนและแมลงเหล่านั้นจะมีผลต่อ ผลผลิตมากแค่ไหน และในรูปแบบไหน เนื่องจาก เห็ดที่เริ่มออกมาชุดที่สองนั้น ไม่สมบูรณ์ทั้งในเรื่องของจำนวนดอกและ รูปลักษณ์ภายนอก
3. นี่คือสิ่งที่ผู้เพาะเห็ดโคนญี่ปุ่นทุกคนต้องเผชิญ ใช่หรือไม่ และผู้ผลิตรายใหญ่ มีวิธีป้องกัน และกำจัดอย่างไร
4. ตอนผมใช้ฟังแบคคิวฉีดพ่นนั้น ผมก็ไม่ได้หลบเลี่ยงละอองยาที่พ่น เนื่องจากคิดว่าเป็นสารชีวภาพ ไม่น่าจะมีอันตราย ไม่ทราบว่า จะมีข้างเคียงหรือไม่ครับ.
5. บ้านผมไม่น่าจะมีแมลงพวกนี้ได้ เพราะไม่เคยเห็นมาก่อน จึงสันนิษฐานว่า ติดมากับก้อนเห็ด หรือว่ามันสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ที่มีการเพาะเห็ดครับ

อยากจะถามให้ระเอียดกว่านี้ แต่กลัวจะเป็นการรบกวนเวลาอาจารย์มากเกินไป จึงจะใช้คำตอบของอาจารย์ และนำมาหาความรู้เพิ่มเติม และจะมารายงานผลความคืบหน้าให้เพื่อนๆได้รับรู้ เพื่อเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆทุกคนให้ฟังอีกครับ.

ขอบคุณในความกรุณาของอาจารย์ครับ,


สิทธิ์
อบรมการเพาะเห็ดในถุงพลาสติก วันที่ 7 พย. 2552

[สมาชิกทั่วไป]

. ดูจากอาการที่เล่ามานั้น เป็นหนอนที่ล้วนแล้วมาจากแมลงหวี่หลายชนิดทั้งนั้น เผลอๆตัวดำๆอาจจะมาจากผีเสื้อกลางคืนเสียด้วยซ้ำ เพราะจะมีลักษณะใหญ่และดุ มันจะเจาะกินเนื้อข้างในถุงเห็ดทะลุปรุโปร่ง จนมันมั่นใจว่า มันกินและทำลายก้อนเชื้อเราเรียบร้อยแล้วมันจึงจะออกมาเป็นตัวแก่คำถามที่คุณถามนั้น มันมีคำตอบอยู่ในตัวอยู่แล้วว่า มันต้องป้องกัน ดีกว่าหาทางแก้ ทั้งนี้เพราะเชื้อเห็ดมันมีกลิ่นหอม มันจึงเป็นตัวล่อให้แมลงแทบทุกชนิดเข้ามากินเชื้อเห็ดได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงที่มีการพักตัว ที่เก็บดอกเห็ดแล้ว เชื้อเห็ดจะอ่อนแอมาก ง่ายต่อการที่จะถูกทำลายด้วยแมลงและเชื้อโรค ดังนั้น วิธีป้องกันที่ถูกต้อง เป็นเรื่องดีที่สุด และการป้องกันนั้น จะต้องเข้าใจเสียก่อนว่า ธรรมชาติของหนอนนั้นมันเกิดจากไข่ของแมลงหวี่ แมลงวัน ผีเสื้อ หรือแม้กระทั่งไร จากนั้นมันก็จะฟักออกมาเป็นลูกอ่อน แล้วก็พัฒนาเป็นตัวเต็มวัย ทุกระยะของการเจริญเติบโตนั้น มันจะมีการลอกคราบ แล้วก็สร้างเซลใหม่ เป็นผิวหนังใหม่ โดยอาศัยการสร้างสารที่มีสารไคตินเป็นองค์ประกอบที่สำคัญ จากเหตุผลดังกล่าว การที่เราจะต้องป้องกันนั้น คือ ควรจะมีการฉีดพ่นสารป้องกัน ขับไล่และทำลายการฟักและการลอกคราบของหนอนให้ได้ แน่นอนส่วนใหญ่ ผู้ที่ไม่สนใจชีวิตของคนอื่น และเป็นคนประเภทเอาแต่ได้ ก็จะใช้สารเคมีป้องกันเอาเลย ซึ่งสารเคมีทุกชนิด แม้ว่าอาจจะให้ผลทำลายล้างได้รวดเร็วทันใจ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นอันตรายต่อเห็ด สภาพแวดล้อมและผู้บริโภคไปด้วย จึงอยากแนะนำให้ใช้สารไล่แมลงของทางศูนย์ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการนำเอาสมุนไพรพวกหนอนตายหยาก โลติ้น ยาสูบ สาบเสือ มาทำการหมักด้วยจุลินทรีย์ระยะหนึ่ง แล้วทำการสกัดด้วยวิธีกลั่น เพื่อเอาเฉพาะสารที่สำคัญในการไล่แมลงเท่านั้นมาใช้ สารนี้หากทำการฉีดเข้าไปที่ถุง จะเข้าไปในก้อนเห็ดบ้างก็ไม่เป็นไร ไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อเห็ดและผู้บริโภค โดยสารนี้จะทำหน้าที่ขับไล่และเปลี่ยนกลิ่นไม่ให้เป็นที่สนใจของแมลงเท่านั้น จึงควรใช้ควบคู่กับฟังแบคคิว เพราะฟังแบคคิว จะไปทำให้ไข่หนอนไม่สามารถฟักออกมาเป็นตัว และทำให้หนอนไม่สามารถลอกคราบได้ ควรทำการฉีดอย่างสม่ำเสมอทุก 3-5 วัน


2.แน่นอนหนอนต่างๆเหล่านี้ ส่วนใหญ่จะเข้าไปทำลายเส้นใยเห็ดโดยตรง และจะนำเอาเชื้ออื่นๆเข้าทำลายเส้นใยเห็ดด้วย หากอยู่ในสภาพที่อ่อนแอ


3.ใช่ แต่ส่วนใหญ่มักจะมีการป้องกัน มากกว่าที่จะแก้ไข เพราะการแก้ไขในช่วงที่มันระบาดหนักๆนั้นยากมาก เพราะแมลงมันอยู่ภายในถุง


4.ไม่มีครับนอกจากเปลือง


5.มันมาของมันเองครับ เพราะมันมาตามกลิ่น เราจะต้องป้องกันโดยใช้สารไล่แมลงเปลี่ยนกลิ่นมันเสียก่อน


ไม่เป็นไร หากเป็นคำถามที่เป็นประโยชน์และมีเหตุผลส่วนมากผมตอบทุกราย แต่จะไม่ตอบประเภทที่ถามแบบคนไม่ได้ทำอะไรมาก่อนด้วยตัวเองเอาแต่ถามกับถาม แบบนั้น ผมจะตอบช้าหรือไม่ตอบเลย เพราะวันๆหนึ่งใช้เวลาแทบทั้งหมดกับการตอบปัญหา ดีแล้วปัญหาของคุณก็จะแบ่งส่งไปให้คนอื่นได้รับรู้ด้วย




ดร.อานนท์ เอื้อตระกูล